นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงธุรกิจการเมือง ว่า ตนขอใช้คำว่าน่าจะใช้เงินหนักกว่าเดิม จึงให้คำขวัญวันเด็ก ปี 2566 ว่า “ประเทศรุ่งเรือง เมื่อบ้านเมืองสุจริต” และ สภาฯ จึงทำโครงการบ้างเมืองสุจริต ที่ผ่านมาได้ทำโพลกับชาวบ้าน ปกติชาวบ้านจะอยากให้แก้ไขเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่หนึ่ง แต่ช่วงหลังเสนอให้แก้เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องที่หนึ่ง และเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่สอง เพราะคนรู้สึกว่าเป็นอันตราย ถ้าการเมืองสุจริต สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิด แต่ถ้าเป็นธุรกิจการเมือง ผลที่ตามมาคือสังคมที่มีการแสวงหาประโยชน์ในทางไม่ชอบ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เพื่อประโยชน์ในทางการเมือง
“ส.ส. ใช้เงิน จะเอามาจากไหน เมื่อต้องใช้เงินก็ต้องมีผู้ให้เงิน ใครที่รวยพอที่จะเอารายได้หรือมรดกส่วนตัวมาจ่าย เราต้องช่วยกันรณรงค์ หากอยากได้รัฐบาลดี ต้องได้ ส.ส. ที่ดี อยากได้รัฐบาลที่ซื่อสัตย์ ก็ต้องได้ ส.ส. ที่ซื่อสัตย์ เพราะฝ่ายนิติบัญญัติ คือผู้ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ถ้าเลือกประเภทโกงเข้ามาก็ได้รัฐบาลโกง ปัญหาจะตกกับชาวบ้านและประเทศชาติ ไม่อยากให้ประเด็นนี้ทำให้เกิดการท้อแท้ เพราะปัญหากับบ้านเมืองเป็นของคู่กัน ถ้าปัญหานี้มาก็อย่ายอมรับ และร่วมกันไม่เลือกนักการเมืองที่โกง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งหน้าใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จึงต้องไม่เลือกพรรคการเมือง และนักการเมืองที่โกง เราจึงจะได้ผู้แทนฯ ที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ ถ้าคนเหล่านี้มีเสียงข้างมากเป็นรัฐบาล น่าจะเป็นรัฐบาลที่มาอย่างไร ก็ไปอย่างนั้น
นายชวน กล่าวต่อว่า เรื่องนี้มีหน่วยงานที่ดูแลคือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เราจึงต้องไปถาม กกต. ด้วย เมื่อต้องดูรายงานของแต่ละองค์กรที่ส่งมาสภาฯ เป็นไปในทางบวก แต่ในชีวิตจริงก็เป็นอีกเรื่อง ซึ่งบางทีเจ้าหน้าที่ตามคนใช้เงินไม่ถึง หรือเจ้าหน้าเองที่ไม่สุจริต สมัยก่อนช่วงคืนก่อนเลือกตั้ง หมาหอนจนเสียงแหบ แต่เดี๋ยวนี้หมาไม่ได้หอนแล้ว เพราะมีกระบวนการก่อนล่วงหน้า โดยภาพรวมที่รัฐสภาครบรอบ 90 ปี หรือ 90 ปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สรุปว่าบ้านเมืองเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ประชาธิปไตยมีความเข้มแข็งขึ้น ประชาชนมีความเชื่อมั่นในประชาธิปไตย และหวงแหนประชาธิปไตยมากขึ้น