“ชูวิทย์” ลั่นขอสู้จนนาทีสุดท้าย ไล่บี้แก๊งมังกรจีน จี้หน่วยราชการอย่านิ่งเฉย เดิมพันคือชีวิตคนไทย

"ชูวิทย์" ลั่นขอสู้จนนาทีสุดท้าย ไล่บี้แก๊งมังกรจีน จี้หน่วยราชการอย่านิ่งเฉย เดิมพันคือชีวิตคนไทย

หลังจากเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2565 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ” พร้อมระบุข้อความและภาพว่า ไม่มีบ่อนในกรุงเทพฯ? ภาพภายในบ่อน หนึ่งในสี่ ภายใต้เครือข่าย “จีนเทา” ของนายตู้ห่าว มีเงินไทยกองเต็มเคาน์เตอร์แลกชิพ กล้องระบุ วันที่ 19 ตุลาคม ก่อนเกิดเหตุที่ “จินหลิง” เพียง 1 อาทิตย์ นายตู้ห่าว และหลานชายตัวแสบคนเดิม กำลังเดินตรวจงาน เข้าออกภายในห้องเก็บแลกเงินในความรับผิดชอบของ ผบช.น. เจ้าเดิม ที่ทำท่าทางบุกบ่อน “จินหลิง” จะอวดผลงานแรกเข้าตำแหน่ง แต่ดันเจอ “แผนซ้อนแผน” โดนวางงาน ไม่ได้เจอบ่อน แต่ไปเจอหนักกว่ามาก คือ “ยาเสพติด” ของเครือข่ายจีนเทาที่ทำมานาน เลยทำตัวไม่ถูก ทำคดีไม่เป็น เป๋ไปเป๋มา ลูกน้องคนสนิทก็ดันหิวเงิน เรียกรับเงินจีนเทาแลกรถหรูกลาง สน.ยานนาวา เข้าไปอีก เรียกว่า “เคราะห์ซ้ำกรรมซัด”

 

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ข่าวที่น่าสนใจ

ต่อมานายชูวิทย์ ก็ได้ ร่ายยาวข้อความ แฉส่งท้ายปี และข้ามปีกันแบบจัดเต็ม โดยระบุอีกว่า “แก๊งมังกรจีน กับโพสต์สุดท้ายของปี ในขณะที่คนไทยมีความสุข ร่ำลาปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ผมขออวยพรให้คนไทย มีสุขสวัสดี ตามแต่อัตภาพของแต่ละคน และครอบครัว

ไม่ว่าท่านจะนั่งเสื่อ นั่งโซฟา อยู่กระต๊อบข้างทุ่งนา หรืออยู่บนคอนโดหรูแพงระยิบ ท่านคือคนไทยที่มีส่วนได้ส่วนเสียในสังคม ที่ยังคงต้องต่อสู้ดิ้นรนไปข้างหน้าอย่างไม่ท้อถอย ชีวิตผมเป็นเพียงส่วนหนึ่งในสังคม ที่เหมือนเส้นด้ายที่ถูกดึงออกจากแกน วันหนึ่งก็ย่อมหมดไปตามสังขาร แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น ผมขอแฉปิดท้ายปีกับสงคราม “แก๊งมังกรมาเฟียจีน”

“ตู้ห่าว” เป็นเพียงหัวหน้าแก๊งจีนที่อพยพมาแสวงหาโชคลาภในเมืองไทย ในเวลาไม่ช้า ลูกสมุนก็จะมาทดแทนหัวหน้าที่ติดคุก เป็นวัฏจักรปกติของบรรดาแก๊งอาชญากร บ่อนการพนัน ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ขู่กรรโชก การพนันออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ จะเติบใหญ่ด้วยความเหิมเกริม สร้างอิทธิพลมาทดแทนแก๊งอาชญากรไทย โหดกว่า กักขฬะกว่า หยาบช้ากว่า เพียงแต่รอเวลาให้คลื่นลมสงบ

หากตำรวจไทย 200,000 กว่านาย ไม่พัฒนาให้ทันแก๊งอาชญากรจีน ผบ.ตร. ที่เป็น “ผู้นำหน่วยสูงสุด” ขององค์กรตำรวจ ต้องตัดสินใจว่า จะเลือกเดิมพันระหว่าง ชีวิตคนไทย หรือตำรวจนิ้วร้ายเพียงไม่กี่นาย หากท่านเลือกชีวิตของคนไทย ท่านต้องกล้าตัดสินใจ ไม่มีทางเลือกอื่นใด

ส่วนท่านนายกรัฐมนตรี ที่เป็น “ผู้นำสูงสุดของประเทศ” ต้องกล้าตัดสินใจว่าท่านจะเลือกอยู่นิ่งเฉยกับผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสังคมไทย กับความท้าทายของการกลับมาในทางการเมืองช่วงวาระสุดท้าย ท่านหนึ่งเป็น “ข้าราชการประจำ” ส่วนอีกท่านเป็น “ข้าราชการการเมือง”

ท่านทั้งสองมีเวลาแสดงบทบาทได้อยู่ไม่นาน เมื่อถึงเวลาท่านก็ต้องไปตามวิถีทาง แต่สิ่งที่ท่านทำไว้ จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์สังคมไทยยุคปัจจุบัน ว่าก่อนที่ท่านจะไป ได้ทำอะไรไว้ให้กับสังคมไทยนี้บ้าง ถึงเวลาที่ท่านต้องตัดสินใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”

 

 

 

 

อาจเป็นรูปภาพของ 10 คน, สถานที่ในร่ม และ ข้อความ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น