2.ยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ปี 64 ผมได้ยกร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับ “รื้อระบอบประยุทธ์” โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับการยกเลิกวุฒิสภา การเปลี่ยนที่มาขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ การลบล้างผลพวงรัฐประหารและป้องกันรัฐประหาร ฯลฯ เอาไว้ และรณรงค์เข้าชื่อสู่การพิจารณาของรัฐสภา แต่ตกไป ปี 65 ผมได้ยกร่างรัฐธรรมนูญ “ปลดล็อกท้องถิ่น” และรณรงค์เข้าชื่อสู่การพิจารณาของรัฐสภา แต่ก็ตกไปอีกเช่นกัน ปี 65 ผมได้ยกร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 2 เพื่อปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ทั้งหมดนี้ คือ การยกร่างแบบแก้ไขเพิ่มเติม มีรัฐธรรมนูญ 60 เป็นตัวตั้ง แล้วเข้าไปแก้ไขเพิ่มเติม
ปีนี้ ผมตั้งใจจะยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เขียนใหม่หมด ไม่ยึดคิดกับโครงหมวดแบบเดิมๆ ไม่ยึดคิดกับรูปศัพท์แบบเดิมๆ ร่างใหม่ภายใต้กรอบ “รัฐเดี่ยว/ราชอาณาจักร/ประชาธิปไตย” โดยจะเขียนคำอธิบายรายมาตราไว้ด้วย ทั้งหมดก็เพื่อให้มี “ร่างพร้อมใช้” ให้สังคมไทยได้ถกเถียงอภิปราย เมื่อสถานการณ์สุกงอมเพียงพอ ก็อาจนำมาปรับใช้ได้ทันที
3.เริ่มเขียนบันทึก autobiography / เริ่มเขียนต้นฉบับ 5 ปีชีวิตทางการเมือง ผมชอบขีดเขียน บันทึกเรื่องราวเก็บไว้ ประกอบกับได้อ่านงานของ Annie Ernaux และ Édouard Louis ซึ่งเป็นแนวนิยายกึ่งอัตชีวประวัติ เล่าเรื่องตนเอง แต่ไม่ได้เป็นเส้นตรง อาจเป็นบางช่วงบางตอน ให้เรื่องราวของตนเองเป็น “วัตถุ” ที่จะพาเราไปเห็นสภาพปัญหาสังคม และการเมือง เลยตั้งใจว่าจะทดลองเขียนงานแบบนี้เกี่ยวกับชีวิตตนเองบ้าง ทยอยๆเก็บเอาไว้ แล้วค่อยคิดว่าจะนำมาใช้ทำอะไรต่อไป
นอกจากนี้ ผมจะเริ่มเขียนต้นฉบับเกี่ยวกับ 5 ปี ชีวิตทางการเมืองของผม ตั้งแต่ ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ชักชวนเพื่อนร่วมอุดมการณ์ รณรงค์หาเสียงและรณรงค์ความคิดทั่วประเทศ เข้าไปเป็น ส.ส. งานในสภา การเจรจาพูดคุยทางการเมือง การต่อสู้กับ “นิติสงคราม” ถูกยุบพรรค/ตัดสิทธิ การตั้งคณะก้าวหน้า จนมาถึงปัจจุบันที่ตัดสินใจถอยออกถอยห่างจากพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า ออกจากการเมืองแบบการเลือกตั้ง การเมืองแบบพรรคการเมือง ทั้งหมดนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและคนรุ่นถัดไปที่สนใจการเมือง
4.จัดรายการอย่างสม่ำเสมอ ผมจัดรายการอยู่หลายรายการ จนจำแทบไม่ได้แล้วว่ามีอะไรบ้าง จัดไปแบบทิ้งๆขว้างๆ ไม่สม่ำเสมอ เดี๋ยวก็หยุดหายไปนาน เดี๋ยวก็เปิดรายการชื่อใหม่ แล้วก็ทิ้งร้าง ยามที่ผมพบปะเจอผู้คน มีหลายคนบอกว่าติดตามรายการอยู่ ติดตามรายการนั้น รายการนี้ ทวงถามว่าตอนหน้าเมื่อไรจะมา ทวงถามว่ารายการนั้น รายการนี้เลิกจัดแล้วหรือ
ผมดีใจมากที่มีคนติดตาม ขณะเดียวกัน ผมก็ผิดหวังตนเอง อยากตำหนิตนเอง ที่ทำอะไรไม่สม่ำเสมอ ไม่มีวินัยเพียงพอ
ปีนี้ ผมจะฝึกฝนการจัดรายการต่างๆ แบบพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด ประเภทตั้งกล้องถ่ายเอง ตัดเอง ลงเอง ตั้งใจจะให้มีรายการ ดังนี้ Interregnum – เล่าประวัติศาสตร์การเมือง ประวัติศาสตร์ปฏิวัติ ทฤษฎีการเมือง The Library of Babel – รีวิวและสรุปหนังสือที่น่าสนใจ เอาปากกามาวง – วิเคราะห์ข่าวในแง่มุมการเมือง กฎหมาย สังคม ในสไตล์แบบผม ส่วนรายการกินเล่ากับป๊อกไปป์ ต้องดูก่อนว่ามีงบประมาณให้ทำได้ต่อหรือไม่ และรายการสนามกฎหมาย คงจัดต่อได้ยากหน่อย เพราะ ต้องมีสตูดิโอ มีตากล้องอาชีพ ตัดต่ออาชีพ ใส่อินโฟกราฟิค ภาพประกอบ ผมต้องขอเริ่มต้นอย่างสม่ำเสมอกับรายการที่ผมสามารถบันทึกและลงเผยแพร่อย่างง่ายๆได้ด้วยตนเองก่อนครับ
5.เรียนภาษาสเปน ผมสนใจภาษาสเปนมาก อยากนำไปใช้อ่านค้นคว้าเกี่ยวกับการต่อสู้ในลาตินอเมริกา ช่วง Covid แพร่ระบาด ทำกิจกรรมมากไม่ได้ ผมได้ลงทะเบียนเรียนภาษาสเปนทางออนไลน์ที่ มธ เอาไว้ เรียนไปได้หนึ่งคอร์ส ก็ละทิ้งไป ไม่หมั่นทบทวนฝึกฝน ซื้อหนังสือเรียนภาษาสเปนมาไว้เต็มบ้านหนังและซีรีส์ภาษาสเปนก็มีให้ดูเต็มไปหมดปีนี้ ขอกลับมาเรื่มต้นใหม่ครับ
6.ลดน้ำหนักให้เหลือ 77 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นับตั้งแต่เข้าสู่แวดวงการเมิอง จนวันนี้ 5 ปีแล้ว ชีวิตทางการเมืองได้พรากเอาสุขภาพของผมไปมาก ปีที่ผ่านมา เป็นปีที่ผมรู้สึกว่าตนเองแก่เป็นครั้งแรก นอกจากอายุที่เพิ่มขึ้นแล้ว น้ำหนักก็เพิ่มเร็วปานจรวด 5 ปีนี้ เพิ่มมา 10 กิโลกรัม ปีนี้ ก็เหมือนทุกปี ที่จะตั้งเป้าเรื่องลดน้ำหนัก แล้วก็ทำไม่เคยได้ แต่ครั้งหนึ่งในชีวิต ผมเคยลดน้ำหนัก 13 กิโลได้ ภายใน 2 เดือนมาแล้ว แสดงว่า ผมทำได้ถ้าตั้งใจทำ ขอลองดูอีกสักตั้งครับ
7.หัดว่ายน้ำให้ได้ /หัดขี่จักรยานให้เป็น ดังที่ผมเคยเล่าในหลายโอกาสว่า ผมเกิดและโตมาในครอบครัวคนชั้นกลางระดับล่างในเมืองหลวง อยู่อาศัยในบ้านเช่าขนาดเล็ก ไม่มีพื้นที่ ไม่มีพื้นที่สาธารณะ และพ่อแม่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ไม่มีเวลาและไม่มีเงินมากพอที่จะพาลูกๆ ไปเรียนว่ายน้ำ ไปหัดขี่จักรยาน ครั้นจะปล่อยไปเอง เขาก็เป็นห่วง นี่เป็นสาเหตุที่ผมไม่เคยได้หัดขี่จักรยาน และหัดว่ายน้ำเลย พอโตขึ้น ก็กลัว เกร็ง และอาย ไม่กล้าไปหัดว่ายน้ำ ไปหัดขี่จักรยาน พอเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน มีเวลา มีรายได้เป็นของตนเอง และภรรยาร้องขอมา ผมจึงเริ่มต้นหัด แต่ก็นั่นแหละ อีกตามเคย พอเข้าสู่แวดวงการเมือง ผมก็ละทิ้งมันไปอีก จนตอนนี้ ก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน อยากไปเที่ยว แล้วขี่จักรยานไกลๆ ว่ายน้ำได้ เห็นสิ่งสวยงาม มากกว่า นั่งนอนอ่านหนังสือและดื่มริมหาดแล้ว ปีนี้ ขอให้ผมเลิกกลัว เลิกอาย หมั่นฝึกฝน ทำให้สำเร็จด้วยเถิด
8.หาวิธีสะสมรายได้แบบ Passive Income เพื่อสามารถใช้ชีวิตในช่วงที่เหลือแบบฟรีแลนซ์ได้ ผมลาออกจากอาจารย์ประจำ เพื่อมาตั้งพรรคการเมือง และด้วยระบบสัญญาจ้างของมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ทำให้ไม่มีวิธีการกลับเข้ารับราชการและนับอายุต่อแบบเดิม ต่อให้มี ผมก็เขื่อว่าด้วยบุคลิกและความคิดแบบผม ด้วยสถานการณ์ที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมครอบงำควบคุมการบริหารมหาวิทยาลัยไทย คงยากมากที่ผมจะได้กลับไปใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยอีกครั้ง