กองทัพเรือมอบเงินให้ “ครอบครัวกำลังพลเรือหลวงฯ” เพิ่มเติม เตรียมตั้งคกก.พิจารณากรณีพิเศษแก่ทายาท

กองทัพเรือมอบเงิน ครอบครัวกำลังพลเรือหลวงฯเพิ่มเติม เตรียมตั้งคกก.พิจารณากรณีพิเศษแก่ทายาท

3 ม.ค. 2566 ที่ราชนาวิกสภา พล.ร.อ.เชิงชาย เชิงชมแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานมอบเงินจากภาคเอกชนเพื่อช่วยเหลือครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิต 23 นาย จากกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 ครอบครัวละ 1 แสนบาท ทั้งนี้ ก่อนมอบเงินช่วยเหลือ ผู้อยู่ในพิธีได้ยืนไว้อาลัยให้กับกำลังพลที่เสียชีวิต

 

 

พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ กล่าวว่า กองทัพเรือยังคงเดินหน้าภารกิจค้นหากำลังพล 5 รายที่ยังสูญหาย ไม่ได้ลดกำลังพลแต่อย่างใด ยังคงปรับกำลังจัดชุดค้นหาในพื้นที่ที่คิดว่าผู้เสียชีวิตจะลอยอยู่ เช่น ตามเกาะต่างๆ ได้ส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ และใช้เรือยางขนาดเล็กตามเกาะแก่งใน จ.ชุมพร จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงของบสนับสนุนจาก อบจ. และหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมเผยว่ากองทัพเรือยังหวังว่าจะเจอปาฏิหาริย์อยู่ และครอบครัวก็ยังมีความหวัง

ส่วนความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงกรณีเรืออัปปาง กองทัพเรือได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน 2 คณะ คณะแรกจะสอบสวนถึงสาเหตุที่ทำให้เรืออับปาง ส่วนคณะที่ 2 จะดูขั้นตอนการปฏิบัติการตั้งแต่ก่อนเรือจม ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างไร รวมถึงปฏิบัติการค้นหา ซึ่งขณะนี้ผลการสอบสวนยังไม่ออกมา

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“คณะกรรมการที่สอบสวน นอกจากจะสอบกำลังพลที่รอดชีวิตมาแล้ว จะต้องสอบสวนถึงบุคคลภายนอก เช่น เรือสินค้า เรือน้ำมัน ที่เข้ามาช่วยเหลือกำลังพล ว่าทราบเหตุ และเข้ามาช่วยเหลือได้อย่างไร มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ขั้นตอนการสอบสวนยังต้องใช้เวลา และผมไม่ได้เร่งรัดว่าต้องกำหนดเสร็จเวลาใด ให้ดูจากเวลาและปริมาณงานว่าจะต้องใช้เวลาเท่าใด ซึ่งเมื่อทราบผลสอบสวนก็จะเผยให้ประชาชนรับทราบ” พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าว

ส่วนกรณีในวันเกิดเหตุ ไม่มีต้นกลออกเรือไปด้วยนั้น ผบ.ทร. ชี้แจงว่า ก็คงต้องระบุเพิ่มไปในการสอบสวนของคณะกรรมการทั้งหมด สำหรับแผนกู้เรือ ต้องรอวันเวลาที่เหมาะสม รวมถึงทิศทางลมและระดับน้ำในทะเล ก่อนหน้านี้ได้ลงสำรวจจุดที่เรือจม เพื่อวางแผนกู้เรือ ซึ่งทั้งหมดต้องใช้เวลา เพราะต้องพิจารณาวิธีการและบริษัทที่จะมาทำการกู้เรือได้ ที่สำคัญคืองบประมาณที่ต้องใช้ ขั้นตอนทั้งหมดจึงต้องใช้เวลา ซึ่งคณะกรรมการยังไม่ได้เสนอแผนขึ้นมา แต่มีบริษัทเอกชนที่มีความชำนาญเสนอวิธี ซึ่งกองทัพเรือจะเลือกบริษัทที่มีข้อเสนอที่ดีที่สุด และใช้งบประมาณอย่างจำกัดที่สุด

 

 

 

ส่วนบทลงโทษของผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อผลสอบสวนออกมานั้นจะเป็นอย่างไร พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ตามระเบียบข้อบังคับของกระทรวงกลาโหม ความรับผิดในทางละเมิดกรณีที่ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย หรือสรรพาวุธเสียหาย มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนในทางละเมิด โดยต้องเสนอเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น คือ กองบัญชาการกองทัพไทย เสนอไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการคลัง ในกรณีมีทรัพย์สินและสรรพาวุธของกองทัพเรือเสียหาย

“ซึ่งเท่าที่ทราบ ในเรือหลวงสุโขทัยก็มีสรรพาวุธที่นำไปและยังจมอยู่กับเรือ อาทิ ลูกปืน วัตถุระเบิด โดยทั้งหมดจะต้องสอบสวนหามูลค่าของทรัพย์สินว่ารวมแล้วเท่าไหร่ และต้องเสนอข้อมูลตามลำดับชั้น รวมถึงสาเหตุ เพื่อหาว่ามีผู้ใดต้องรับผิดทางละเมิดหรือไม่ เพื่อมาชดใช้ค่าเสียหาย หากประเมินแล้วเป็นการกระทำให้สูญเสียทรัพย์ของทางราชการ ซึ่งกองทัพเรือมีคณะกรรมการที่จะตรวจสอบอุบัติเหตุและความเสียหาย โดยมีเจ้ากรมจเรทหารเรือเป็นผู้รักษาระเบียบ และกำหนดแนวทางที่เป็นบทเรียน เพื่อแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ” พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าว

 

 

ผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำถึงข้อมูลการซ่อมเรือ ผบ.ทร. กล่าวว่า ยังต้องอยู่ในผลการสอบสวน แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ ส่วนที่ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โยงว่าเครื่องยนต์ของเรือหลวงสุโขทัย เป็นประเภทเดียวกับเรือดำน้ำจากจีน ยืนยันว่า ไม่ใช่เครื่องยนต์เดียวกัน แต่เป็นอักษรเดียวกันคือ MTU เหมือนกันเท่านั้นเอง อาจจะสื่อสารผิดพลาด เรือของกองทัพเรือ 80% ใช้เครื่อง MTU แต่มีหลายรุ่นและหลายแบบ จึงอาจจะไปโยงว่าอักษรเดียวกัน แต่ไม่ใช่เครื่องชนิดเดียวกัน

 

ในช่วงท้าย ผบ.ทร. ยังกล่าวว่า ตนได้รายงานความคืบหน้าทั้งการสอบสวนและการค้นหากำลังพลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทราบโดยตลอด

 

ด้านพล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า เหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยถูกพายุคลื่นลมแรงซัดจนเป็นเหตุให้เรืออับปางกลางทะเล บริเวณพื้นที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของกองทัพเรือ มีกำลังพลเสียชีวิตรวม 24 นาย ในจำนวนนี้สามารถระบุชื่อได้แล้ว 23 นาย และสูญหาย 5 นาย ทั้งนี้ ในส่วนของสิทธิกำลังพลและการให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ ผู้บัญชาการทหารเรือ มีความเป็นห่วงครอบครัวกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมถึงกำลังพลที่ยังคงสูญหายเป็นอย่างมาก ได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสิทธิกำลังพลดำเนินการเพื่อให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน แก่ครอบครัวของกำลังพลในด้านต่าง ๆ ตามระเบียบข้อบังคับอย่างเร่งด่วน

 

“ปัจจุบันกำลังเตรียมมอบเงินช่วยเหลือแก่ทายาทผู้สูญเสีย ประกอบด้วย เงินจากกองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละในจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่รับผิดชอบกองทัพเรือ เงินประกันภัยหมู่กองทัพเรือ เงินสวัสดิการกองทัพเรือ และเงินฌาปนกิจกองทัพเรือสำหรับท่านที่เป็นสมาชิก และอีกส่วนหนึ่งที่จะมอบต่อไป คือ เงินตามสิทธิด้านกำลังพล เช่น เงินช่วยพิเศษ บำเหน็จตกทอด และบำนาญพิเศษ ทั้งนี้เป็นไปตามสิทธิด้านกำลังพลของกำลังพลแต่ละราย โดยมีขั้นตอนการเบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์และระเบียบแบบแผนที่ทางราชการกำหนด กองทัพเรือจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ครอบครัวผู้สูญเสีย” โฆษกกองทัพเรือ กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จพิธี ผู้บัญชาการทหารเรือได้พบปะพร้อมให้กำลังใจญาติของกำลังพล โดยยืนยันอีกครั้งว่า กองทัพเรือพร้อมให้การช่วยเหลือดูแลทุกอย่างเต็มที่ หากต้องการสิ่งใด ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น