หมอยง ชำแหละ 15 ข้อเรียนชัด ๆ "โควิด" ในไทย เข้าสู่ปีที่ 4 เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง
ข่าวที่น่าสนใจ
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และราชบัณฑิต อัปเดตข้อมูล “โควิด” เปิด 15 ข้อเรื่องบทเรียนเกี่ยวกับโรคในปีที่ 4 ชี้ แนวโน้มอยู่กับเราเหมือนโรคลมหายใจอื่น ๆ เชื่อ WHO จะเลิกนับตัวเลขในไม่นาน โดยระบุว่า
ระยะเวลาผ่านไป ความรู้เกี่ยวกับ covid 19 ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอด เป็นโรคใหม่ จึงจำเป็นต้องใช้ความรู้ และวิทยาศาสตร์มาแก้ปัญหา เรามีผู้เชี่ยวชาญมากเหลือเกิน จึงเกิดความสับสนในสังคม การเปลี่ยนแปลงเห็นได้ชัดเจน ดังนี้
1. การเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ทำให้ความรุนแรงของโรคลดลงมาโดยตลอด
- ความรุนแรงของโรคที่ลดลง เพื่อความอยู่รอดของตัวไวรัส และสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้ง่าย
- ความรุนแรงจะลดลง
2.ความรุนแรงลดลง
- ทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เป็นแบบไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย
- จึงยากที่จะควบคุม
3. ประเทศไทยมีการติดเชื้อไปแล้วไม่น้อยกว่า 70% หรือประมาณ 50 ล้านคน
- และก็เช่นเดียวกับประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้ ประชากรส่วนใหญ่จะเคยติดเชื้อแล้ว
4.ในระยะแรกมีมาตรการเข้มงวด
- ปิดบ้านปิดเมือง งดการเดินทาง แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการแพร่กระจายของโรคได้
- จะเห็นได้ว่าเมื่อมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นก็สามารถแพร่กระจายไปได้ทั่วโลกเหมือนกัน
5. การป้องกันสายพันธุ์ใหม่จากผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ
- ในสภาวะปัจจุบัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกัน
- ใช้แต่เฝ้าระวังการตรวจสายพันธุ์เท่านั้น
6. ถึงแม้จะมีมาตรการการตรวจ
- ก่อนเดินทางอย่างในอดีต ก็ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์ใหม่ที่จะเข้ามาระบาดได้
- เป็นเพียงช้าหรือเร็วเท่านั้น
7. ในระยะแรกการตรวจวินิจฉัย
- เพื่อป้องกันการระบาดของโรค จึงใช้การตรวจวินิจฉัยที่มีความไวสูงมาก คือ RT PCR
- ต่อมาเมื่อความรุนแรงลดลง การตรวจด้วยความไวต่ำ ประมาณ 80% คือ ATK ก็เป็นที่ยอมรับถูกนำมาใช้
- เพราะมีราคาถูกกว่ามาก และการตรวจจะลดลงอีก จะตรวจเฉพาะในผู้กลุ่มที่มีอาการเพื่อการวินิจฉัยเท่านั้น
8. ระยะแรกความหวังในการยุติการระบาดของโรคอยู่ที่วัคซีน
- เมื่อระยะเวลาผ่านไป ก็พบว่าวัคซีนไม่สามารถที่จะยุติการระบาดของโรคได้
- เป็นเพียงลดความรุนแรงของโรคลงเท่านั้น
9. เวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าวัคซีนแต่ละ platform หรือแต่ละชนิดไม่ได้แตกต่างกันเลย
- อย่างประเทศตะวันตก ญี่ปุ่น ใช้แต่วัคซีน mRNA การระบาดของโรคขณะนี้ก็อยู่ในประเทศต้น ๆ และอัตราผู้เสียชีวิตก็ไม่ได้แตกต่างกัน
- ถ้าดูตัวเลขต่อประชากรก็ไม่น้อยเลยทีเดียว
10. การลดความรุนแรงของโรค
- ขึ้นอยู่กับจำนวนเข็มของวัคซีน การฉีดวัคซีนครบ หมายถึงจะต้องฉีด 3 ครั้ง เป็นอย่างน้อยคือการฉีดเบื้องต้น 2 ครั้ง และกระตุ้นอีก 1 ครั้ง
- ระยะเวลาผ่านมานาน จากการเริ่มให้วัคซีนมาถึงปัจจุบันรวม 2 ปี การกระตุ้นครั้งที่ 2 หรือ 3 สามารถทำได้
- เพื่อยกระดับภูมิต้านทานของร่างกายในการที่จะลดความรุนแรงของโรค
11. ประเทศต่าง ๆ ได้มีการทำลายวัคซีนที่หมดอายุทิ้งเป็นจำนวนมาก
- เพราะในระยะแรกมีการจองกันเป็นจำนวนมาก ความสูญเสียค่าใช้จ่ายของวัคซีนเป็นจำนวนมาก เพราะ จองแล้วต้องจ่ายเงิน ไม่สามารถเอาเงินคืนได้
- การทำตามแรงกดดันทางสังคม ทำให้สูญเสียเงินอย่างมาก และเป็นบทเรียนสอนให้รู้จักแบ่งปัน
- ขณะนี้บริษัทวัคซีนต่าง ๆ ลดการผลิตลงอย่างมาก และตลาดวัคซีนขณะนี้เป็นของผู้ซื้อ
- วัคซีนที่รอวันหมดอายุมีเป็นจำนวนมาก รอการทำลายทิ้ง
12. แนวโน้มของโรคในอนาคต
- คงจะอยู่กับเรา และเป็นโรคทางเดินหายใจโรคหนึ่ง เช่นเดียวกับโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ
13.ใน 3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า มีวิธีการรักษา ป้องกัน เกิดขึ้นทางสื่อสังคมมากมาย
- รวมทั้งผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ สมุนไพร ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล
- ไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับในการพิสูจน์ว่าใช้ได้จริง
- ตามกฎเกณฑ์มาตรฐาน ประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญมากเหลือเกิน จึงเกิดความสับสนในสังคม
14. บทเรียนที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า การแก้ปัญหาจะต้องใช้วิทยาศาสตร์ การศึกษาวิจัยมากกว่าการใช้ความรู้สึก
- คิดว่า คาดว่า มาแก้ปัญหา โดยเฉพาะปัญหา ทางสื่อสังคม ผลักดัน ทำให้เกิดความสูญเสียทาง สาธารณสุข จิตใจ เศรษฐกิจ สังคม เราจะต้องเรียนรู้อยู่กับโรคนี้ต่อไป
15. ปีที่ 4 นี้ ทุกคนยอมรับและอยู่กับโควิด 19
- เศรษฐกิจสังคมจะเข้าสู่ภาวะปกติ การนับจำนวนไม่สามารถทำได้จริง
- และในที่สุดองค์การอนามัยโลกก็คงจะยุติการนับจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต เพราะ ตัวเลขที่ได้มาต่ำกว่าความเป็นจริงมาก
ข้อมูล : Yong Poovorawan
ข่าวที่เกี่ยวข้อง