จากการที่ประเทศจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงสหรัฐ แคนาดา ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส ยืนยันว่า ผู้เดินทางจากจีนทุกคนต้องตรวจโควิดก่อนเดินทางมาถึง ทำให้ไออาตา หรือสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ การตัดสินใจของรัฐบาลประเทศเหล่านี้ โดยชี้ว่า เป็นการกระทำที่ไม่เกิดผล
นายวิลลี่ วอลช์ ผู้อำนวยการไออาตา ซึ่งเป็นตัวแทนของสายการบิน 300 สายการบิน ที่คิดเป็น 83 เปอร์เซ็นต์ ของการจราจรทางอากาศทั้งหมด กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าผิดหวังอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นการนำมาตรการคุมโควิด ที่พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ผลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งจากผลการศึกษาเกี่ยวกับสายพันธุ์โอมิครอนในปี 2021 ได้สรุปว่า การขัดขวางการเดินทาง ไม่ได้ทำให้การติดเชื้อลดลง อีกทั้งไวรัสได้แพร่ระบาดอย่างกว้างขวางอยู่แล้วในประเทศต่างๆที่กำหนดให้มีการทดสอบ และขณะนี้ โลกมีวิธีการจัดการกับโควิด โดยไม่ต้องอาศัยมาตรการที่ไม่ได้ผลนี้ ซึ่งตัดการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ ที่ทำลายเศรษฐกิจ และการจ้างงาน
ในขณะเดียวกัน หน่วยตอบสนองต่อวิกฤตการเมืองแบบบูรณาการของสหภาพยุโรป หรือ IPCR ได้ออกแถลงว่า สหภาพยุโรปจะยังไม่บังคับตรวจโควิดนักเดินทางจากจีน แต่แนะนำให้ ผู้โดยสารที่บินจากจีนไปยังประเทศในสหภาพยุโรปควรตรวจโควิดก่อนขึ้นเครื่อง
นอกจากนี้ IPCR ยังแนะนำให้ผู้โดยสารทุกคนในเที่ยวบินไปและกลับจากจีน ควรสวมหน้ากากอนามัย และให้ประเทศสมาชิกสุ่มตรวจผู้โดยสารจากจีน รวมถึงตรวจตัวอย่างน้ำเสียในสนามบิน และกล่าวว่า จะทำงานร่วมกับ ศูนย์ควบคุมโรคยุโรป หรือECDC และฝ่ายกิจการต่างประเทศ รวมถึงองค์การอนามัยโลก เพื่อติดตามสถานการณ์การระบาดในสหภาพยุโรป และในจีนอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจะประเมินสถานการณ์ และทบทวนมาตรการที่นำมาใช้อีกครั้ง ในกลางเดือนนี้
ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมโรคยุโรป ได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เหตุที่ยังไม่ได้บังคับตรวจโควิดนักเดินทางจีน เนื่องจากไวรัสที่แพร่ระบาดในจีนนั้น เป็นสายพันธุ์ที่มีอยู่ในสหภาพยุโรปอยู่แล้ว และพลเมืองของสหภาพยุโรปมีระดับการฉีดวัคซีนที่ค่อนข้างสูง