น.ส.รินลดา ชัยหมื่น หมอดูชื่อดัง นำผู้เสียหายที่ซื้อเพชรจากร้าน PW Gems ของ ดร.เพชรพันปี เซเลบฯ คนดัง ที่กำลังเป็นข่าวพัวพันกับการจัดฉากรางวัลที่ 1 หวยทิพย์ จนเป็นเหตุให้ดาราหนุ่มวิกหมอชิต ถูกฉีกสัญยากลางอากาศ ว่าขายสินค้าไม่ตรงตามสเปคที่โฆษณาไว้ มีผู้เสียหายทั้งที่ซื้อเครื่องประดับและกล่องสุ่ม รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ประมาณ 800 คน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท ออกมาเปิดเผยข้อมูลเล่ห์เหลี่ยม กลโกง ของเซเลบฯ คนดังกล่าว
น้ำลดตอผุด หมอดูคนดัง นำทีมผู้เสียหาย ถูกหลอกขายเครื่องประดับปลอม แฉยับ “ดร.เพชรพันปี” เซเลบฯ คนดัง ขายสินค้าไม่ตรงปก ขณะที่อดีต พนักงาน แฉ องค์เทพและ พลอย สอยจากแอปช้อปปิ้ง ออนไลน์ชื่อดัง ต้นทุนเม็ดละ 3 บาท ขาย 9,000 - 60,000 บาท
ข่าวที่น่าสนใจ
โดยนางสาวรินลดาบอกว่า ตนเป็นลูกค้า ดร.เพชรพันปี โดยครั้งแรก เคยซื้อ-ขายนาฬิกาหรู ยี่ห้อปาเต๊ะ กันจากนั้น ก็มีการสั่งทำเครื่องประดับประเภทกำไร จนกระทั่งเมื่อปี 64 มาทราบว่า ดร.เพชรพันปี ถูกรางวัลที่ 1 จึงมีการพูดคุยกันเรื่องตัวเลข เนื่องจากตนก็ชอบเล่นหวย และดร.เพชรพันปี ได้นำหวยมาโชว์และชักชวนให้ตนเล่นหวย พร้อมกับให้นำเอาสลากที่ถูกรางวัลที่ 1 มาให้ตนถ่ายรูปและโพสต์ในเพจส่วนตัว เพื่อเรียกยอดไลค์ ซึ่งมีคนติดตามกว่าแสนคน ทำให้ ดร.เพชรพันปี มียอดผู้ติดตามเพิ่มเติม ขณะที่ตนเองถูกสมาชิกตั้งคำถามถามว่า ถูกหวยจริงหรือไม่ ตนจึงชี้แจงว่า ดร.เพชรพันปี ถูกหวย ทำให้ยอดการติดตามของ ดร.เพชรพันปี เพิ่มขึ้น เหมือนกับเป็นการใช้ตนเป็นสะพานให้มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังชี้แจงเรื่องที่กฤตฤทธิ์ บุตรพรม หรือ บิ๊กเอ็ม นักแสดง เข้าไปเกี่ยวกับข้องกับการถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 6 ล้านบาทนั้น เริ่มแรกตนกับบิ๊กเอ็มและภาคิน สามีของตน ไดร่วมกันลงทุนทำธุรกิจสบู่นายา โดย ดร.เพชรพันปี ได้ทำทีติดต่อเข้ามาซื้อสบู่ โดยมีข้อแม้ ให้พาบิ๊กเอ็มไปด้วย ตนเองมองว่าเป็นช่องทางในการต่อยอดธุรกิจ จึงพาบิ๊กเอ็มไปด้วย ซึ่งก็กลับกลายเป็นว่า ดร.เพชรพันปี ซึ่งจะมีการสอนการทำธุรกิจ โปรโมชั่น และการตลาดต่างๆ และมีการว่าจ้างบิ๊กเอ็มเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตกลงเรื่องค่าตัว 5 แสนบาท แบ่งให้ตน 1.5 แสนบาท สามีของตน 2 แสนบาท และบิ๊กเอ็ม 1.5 แสนบาท ซึ่งดร.เพชรพันปี บอกว่า ไม่ใช่ค่าตัวแต่เป็นค่าทำกิจกรรมร่วมกับร้านเพชร ซึ่งเป็นสัญญาปากเปล่าว่าจะให้
ทั้งนี้ หลังจากเกิดเรื่องตนจึงตั้งข้อสงสัยว่า มีสลากที่ถูกรางวัลจริงหรือไม่ ยอมรับว่าเคยเห็นสลากฯ ที่ดร.เพชรพันปี ระบุว่าถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 4 ใบ แต่จะเป็นสลากจริงหรือไม่ ตนไม่แน่ใจ รวมทั้งประเด็นที่พูดคุยกับ ดร.เพชรพันปี ว่า จะมีการนำเงินมาให้ 12 ล้านและแบ่งให้บิ๊กเอ็ม 6 ล้านบาทนั้น ตนไม่ขอพูดให้ไปถาม ดร.เอง เพราะเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ทั้งนี้ยืนยันว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว สำหรับ กิจกรรมร้านเพชรที่จัดขึ้น โดยให้ลูกค้าร่วมเล่นเกม กรณีที่มีหมายเลขสลาก ตนไม่ขอยืนยันว่า สลากมีจริงหรือไม่ เพราะภาพที่ส่งมาให้เป็นภาพสลากออนไลน์ทั้งหมด จึงอยากให้ร้านเพชรออกมาชี้แจง รวมทั้งเรื่องนาฬิกา ที่สามีตนซื้อและนำไปตรวจสอบปรากฏว่า เอกสารไม่ตรงกับห้องแล็ป จึงไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นนาฬิกาแท้หรือไม่ ด้านนางสาวณปภัช ธิติธนโภคิน ผู้เสียหายร้านเพชร ที่ไม่ได้สินค้าตามโฆษณา เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับ ดร.เพชรพันปี มานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่สมัยทำเบาะรถยนต์และทำมูลนิธิ ที่ดร.เพชรพันปี อ้างว่า ตนเป็นสะใภ้แสนล้าน ช่วยเหลือคนจน น่าเชื่อถือ จึงมีการสั่งซื้อสินค้าเพชร เพราะตนมีความชื่นชอบอยู่แล้ว เดิมได้ของสวย ของจริง เพราะมีการเช็คตลอด แต่ระยะหลังไม่ได้มีการเช็ค เนื่องจากเริ่มมีความเชื่อใจ
หลังจากนั้น ทางร้านเพชรมีกิจกรรมเล่นกล่องสุ่ม กล่องละ 30,000 บาทจำนวน 50 กล่อง โดยจำนวนนี้ จะมีลุ้นจับฉลากที่ดิน 1 แปลง ตนจึงตัดสินใจซื้อไป 5 กล่อง เพราะมีโอกาสสูงที่จับฉลากแล้วจะได้ แต่เมื่อมีจำนวนผู้ซื้อมากขึ้น ทำให้ ดร.เพชรพันปี ขยายจำนวนกล่องสุ่มมากกว่า 190 กล่อง โดยเพิ่มที่ดินให้ 4 แปลง เพื่อเป็นการไม่เอาเปรียบลูกค้า และมีการจับฉลากไป 4 ครั้ง แต่ครั้งสุดท้าย ยังไม่มีการจับฉลากเลย ทำให้ตนเริ่มสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น ประกอบกับมีลูกค้าหลายรายเข้ามาพูดคุย ในไลน์กลุ่มให้นำเพชรไปตรวจ ตนจึงตัดสินใจนำเครื่องปะบกับที่มีอยู่ไปตรวจ จนพบว่าเครื่องประกับบางชิ้น มาตรฐานทอบหรือเพชรไม่ได้ตามโฆษณา ส่วนแหวนนพเก้า พลอยบางชิ้นเป็นของปลอม ซึ่ง ดร.เพชรพันปี ได้ออกมาชี้แจงว่า เครื่องประดับทุกชิ้นจะได้เป็นพลอยแล็ป ซึ่งก่อนหน้านี้มีการโฆษณาว่าจะได้พลอยนพเก้าของแท้ตามตำนาน โดยการแถลงครั้งนี้ ยังมีการโฟนอินถึงอดีตพนักงาน PW Gems มาเปิดเผยว่า เล่าให้ฟังว่าเพชร พลอย ส่วนใหญ่ที่นำมาขาย ไปซื้อที่วัดเกาะ วัดแขก และลาซาด้า เม็ดละ 3 บาท โดยนำไปปลุกเสกเพียงครั้งเดียวที่นครปฐม แต่ปัจจุบันขายหมดแล้ว และไม่เคยปลุกเสกอีกเลย สาเหตุที่ตัดสินใจออกมาให้ข้อมูล เนื่องจากไม่อยากหลอกลวงประชาชนจึงได้ออกมาเปิดเผย ซึ่งทุกครั้งที่ลูกค้าถามถึงน้ำหนักทอง ทาง ดร.เพชรพันปี จะห้ามไม่ให้พนักงานให้ข้อมูลและขายให้ หากพนักงานคนใดฝืนคำสั่งก็จะถูกต่อว่า พนักคนดังกล่าวยังให้ข้อมูลต่อไปว่า หากจะถามว่า เครื่องรางของขลังภายในตำหนักมี องค์จริงหรือไม่นั้น ในฐานะที่ตนทำงานมา ตั้งแต่ปี 2563-2565 ขอชี้แจงว่าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่สั่งซื้อมาจากแพลทฟอร์ม ช้อปปิ้ง ชื่อดัง โดยหลังเปิดร้านมาประมาณ 1 ปี ทางร้านเริ่มค่อยๆ ลดสเปคสินค้าลง ซึ่งแหวนที่นำมาขายส่วนมาก จะไม่ตรงมาตรฐาน ซึ่งจริงๆแล้วส่วนมากทางร้านใช้ทองเพียง 9K เท่านั้น ไม่ใช่ 18 K หรือ 21 K ตามที่โฆษณาไว้ ขายเฉพาะแหวนนพเก้าไปทั้งหมดประมาณ 500 วง ราคาตั้งแต่ 9,000 – 60,000 บาท โดยผู้ร่วมรู้เห็นก็จะมี แอดมินเพจ 4 คนและช่างทำแหวน 6 คน ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่ได้รับส่วนแบ่งจากการขายใดๆ ทั้งสิ้น ทำงานตามหน้าที่ และเคยมีการท้วงติง ดร.เพชรพันปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นผล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-