“ราชทัณฑ์” แจงปมอดีตผู้ต้องขัง ทาสยาคลั่ง หลอนแทงนร.ดับ

"ราชทัณฑ์" แจงปมอดีตผู้ต้องขัง ทาสยาคลั่ง หลอนแทงนร.ดับ ผ่านประเมินสุขภาพจิต ไม่ได้อยู่ในข่ายเฝ้าระวัง

วันที่ 7 ม.ค. 66 นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผย กรณีที่มีข่าวปรากฏว่า อดีตผู้ต้องขัง ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านเล้าวิทยาคาร จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 6 มกราคม 2566 ที่ผ่านมานั้น

จากการตรวจสอบข้อมูลของผู้ก่อเหตุดังกล่าว เป็นอดีตผู้ต้องขังที่ปล่อยตัวพ้นโทษจากเรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อตรวจสอบทะเบียนประวัติ พบว่า เคยกระทำผิดครั้งแรก ในคดีทำร้ายร่างกาย และครั้งที่สองในคดีทำร้ายร่างกาย ครั้งนี้เป็นกระทำผิดเป็นครั้งที่ 3 ในคดีมีอาวุธปืนและ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงจัดอยู่ชั้นต้องปรับปรุงมาก และได้จำคุก ครบตามหมายศาล เป็นระยะเวลา 8 เดือน พ้นโทษเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.65ที่ผ่านมา

 

ข่าวที่น่าสนใจ

รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ตรวจสอบข้อมูลด้านการประเมินสุขภาพจิต (แบบประเมินของกระทรวงสาธารณสุข) จากสถานพยาบาลของเรือนจำ พบประวัติเคยใช้สารเสพติดมาก่อน แต่ขณะที่ถูกควบคุมอยู่ภายในเรือนจำผู้ต้องขังดังกล่าว ไม่ได้มีพฤติกรรมที่ชี้ให้เห็นว่ามีอาการทางจิต อีกทั้ง ทางเรือนจำยังได้ประเมินสุขภาพจิตอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบว่ามีความผิดปกติก่อนปล่อยตัวแต่อย่างใด และไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่ม Watchlist เนื่องจากการกระทำผิดที่ผ่านมาเป็นคดีที่ไม่เข้าข่ายตาม พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง หรือ กฎหมาย JSOC ดังนั้น เมื่อกรมราชทัณฑ์ได้จำคุกครบตามกำหนดโทษแล้ว จึงไม่มีอำนาจในการควบคุมตัวไว้ต่อไป และกรมราชทัณฑ์ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต

 

นายสิทธิ ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ได้เน้นย้ำในมาตรการตรวจคัดกรองสภาวะสุขภาพจิตของผู้ต้องขังและคัดกรองการติดยาเสพติด รวมถึงคัดกรอง ผู้ต้องขังที่เสพสุราและมีภาวะถอนพิษสุราแบบรุนแรงทุกราย และขณะนี้พร้อมขับเคลื่อน กฎหมาย JSOC ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้ผลักดันจนสำเร็จ เพื่อกลั่นกรองผู้ต้องขังที่จัดอยู่ใน Watchlist ซึ่งเมื่อพ้นโทษแล้วต้องติดกำไลอีเอ็มหลังพ้นโทษเพื่อป้องกันสังคมจากบุคคลอันตรายเหล่านี้ให้ได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

จนท.รวบ "หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย" หอบเงิน 15.7 ล้าน เข้าไทย อ้างเล่นพนันได้จากฝั่งปอยเปต
โผล่อีก “หมู่บ้านเขมร” จองแผ่นดินไทย อึ้ง! อุ้มลูกเดินยั้วเยี้ย ตร.เพิ่งจะจับ
งามไส้! “หนุ่มไทย” พกปืน-กระสุนใส่เต็มแม็ก คุ้มกัน “พม่าเถื่อน” เข้าเมือง
ผู้นำสหรัฐเรียกนายกฯแคนาดาว่า” ขี้แพ้”
เพจดังจับโป๊ะพรรคส้ม ขุดยับ “เท้ง-ไอซ์” นำทีมสส.ร่วมทริปกมธ. บินเกาหลีใต้ ใช้งบฯหลักล้านคาใจดูงานแน่เปล่า
มัสก์จี้ข้าราชการอเมริกันเขียนรายงานวันๆทำอะไรบ้าง
ผู้ปกครองพา "ด.ช.วัย 13" ร้องสายไหมต้องรอด ถูกสาวสอง สร้างไอจีปลอม ลวงทำอนาจาร
"ทักษิณ" เอ่ยขออภัยเหตุการณ์ "ตากใบ" ปี 47 ลั่นไม่ตกใจ เหตุบึ้มรถในสนามบินนราฯ รับลงชายแดนใต้
“ทักษิณ” ลั่นปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้องจบในรัฐบาลนี้ ยึดการพูดคุย เป็นแนวทางสร้างสันติสุข
เลขาธิการ สปส. แจงเสถียรภาพ "กองทุนประกันสังคม" ย้ำชัดสิทธิประโยชน์ดีเพิ่มขึ้นทุกปี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น