วันที่ 2 ส.ค. 2564 จากกรณีที่รัฐบาลประกาศปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) เพิ่มขึ้นอีก 16 จังหวัด รวมเป็น 29 จังหวัด โดยให้มีการล็อกดาวน์ และเคอร์ฟิวในเวลา 21.00-04.00 น. จำกัดการเดินทาง รวมถึงผ่อนปรนให้ร้านอาหารในห้างสามารถขายแบบเดลิเวอรี เพื่อหวังลดยอดผู้ติดเชื้อที่ยังพุ่งสูงอยู่ทุกวัน โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3-31 ส.ค. 2564 ภายหลังราชกิจจานุเบกษา ประกาศออกมาช่วงกลางดึก
ทางด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้แสดงความคิดเห็นผ่านทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ในเรื่องนี้ โดยตั้งคำถามว่าการล็อกดาวน์ได้ผลจริงหรือ วันนี้การเพิ่มมาตรการต่างๆ เป็นเพียงการเขยิบลมหายใจ ไม่ได้แก้ปัญหาใดๆ ให้คืบหน้าได้ เพราะมีคำตอบเดียวคือวัคซีนที่ผู้นำพลาดคำตอบไปอย่างให้อภัยไม่ได้
ส่วนนักการเมืองเขี้ยวลากดินอย่าได้หวังเสวยเศษอำนาจ รัฐบาลได้แต่ออกอาการทำท่าพะว้าพะวัง กระอักกระอ่วน พายเรือวนอยู่ในอ่าง สะอึกพูด “คำก็ไม่ออก สองคำก็ไม่ไป สามคำก็ไม่หนี” แต่ผีโควิดตามหลอกหลอน ให้ได้เสียวข่าวลืออำนาจจะหลุด ผู้นำเดินหวงอำนาจ ไม่ไปไหน นักการเมือง มีก็เหมือนไม่มี เพราะเก็บอุดมการณ์ไว้ในลิ้นชัก ประเทศชาติ หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว ประชาชน ว้าวุ่นสับสน
“การล็อกดาวน์ไม่ได้ส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงแต่อย่างใด กลับสวนทางเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน”
จากนั้นทิ้งท้ายว่า ผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายตื่นเถิด ไม่มีการต่อสู้ด้วยการร้องขอ แต่มาจากจิตใจที่แข็งแกร่ง หากวันนี้ไม่ใช่วันของเรา วันหนึ่งต้องมี เพราะงาช้างไม่ได้งอกออกจากปากหมาฉันใด ความยุติธรรมไม่ได้มาจากการร้องขอฉันนั้น