จากกรณีที่ดีเอสไอ ออกหมายเรียกนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส เข้ามาพบเพื่อชี้แจงเหตุรับเงินจากกลุ่มขบวนการฟอกเงิน ในวันที่ 13 ม.ค. 2566 เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้จับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการรายสำคัญได้ จำนวน 1 ราย และออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการไว้อีก 5 ราย และจากการสอบสวนขยายผลพบว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวทำหน้าที่เบิกถอนเงินสดและนำไปเข้าบัญชีให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย โดยหนึ่งในผู้รับเงินจากกลุ่มขบวนการนี้ คือ ผู้บริหารกิจการสลากกินแบ่งออนไลน์ “กองสลากพลัส” โดยปรากฏหลักฐานการรับเงินจากกลุ่มขบวนการนี้จำนวนหลายสิบล้านบาท
ระทึกสุด "DSI" แจงคดีแก๊งมาเฟียสีเทา ตามสืบมาปีกว่า จนเจอหลักฐาน เส้นทางฟอกเงินโยง "นอท"
ข่าวที่น่าสนใจ
โดยวันที่ 13 ม.ค.นี้ นอท กองสลากพลัส ต้องเข้าให้ปากคำในฐานะพยาน แต่ต้องได้รับการบ้านชุดใหญ่ จากDSI ที่ย้ำว่านอทต้องเเจงเส้นทางการเงินให้ละเอียด เพราะมีหลายเส้นเงินเชื่อมถึง ไม่ใช่เพียงเส้น 42 ล้าน แต่มีอีกหลายก้อน เชื่อหลักฐานชัดเพราะเฝ้าติดตามมาแล้ว 2 ปี
เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะทำงานศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษว่าการบ้านชุดใหญ่ที่ทนายความของนายพันธ์ธวัชได้รับไปเมื่อวันที่ 6 ม.ค.นั้น ไม่ใช่เเค่เรื่องต้องเข้ามาชี้แจงเส้นเงิน 42 ล้านบาท แต่ยังมีอีกหลายเส้นทางการเงินที่เชื่อมมายังนายพันธ์ธวัช เพราะคณะทำงานเราเริ่มสอบสวนมาตั้งแต่กลางปี 2564 ก่อนจะค่อย ๆ ขยายผลจากเส้นทางการเงิน และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องจนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ตามหมายจับ
แต่ที่เพิ่งปรากฏเป็นข่าวเพราะคณะทำงานได้รายงานความคืบหน้าทางคดีไปยังผู้บังคับบัญชา เมื่อวันที่ 3 ม.ค.66 ด้วยระเบียบการปฏิบัติงานที่ต้องรายงานขึ้นไปก่อนวันที่ 5 ของเดือน และระดับผู้บังคับบัญชาพบว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงผู้บริหารกิจการสลากกินแบ่งออนไลน์คนดังกล่าว จึงเป็นที่มาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เผยแพร่ข่าวให้ทางสาธารณะได้รับทราบว่ามีการออกหมายเรียกนายพันธ์ธวัชในสถานะพยาน จึงต้องการยืนยันชัดเจนว่าดีเอสไอไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ธุรกิจกองสลากพลัส แต่เพราะพยานหลักฐานที่ปรากฏ จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามระเบียบกฎหมาย
เบื้องต้นจากการรวบรวมพยานหลักฐานตามคดีมูลฐานที่คณะทำงานดำเนินการ คือ การพนันออนไลน์ ขบวนการฟอกเงิน จึงไม่ได้เน้นไปที่ธุรกิจสลากกินแบ่งออนไลน์รายใดก็ตามที่มีในสังคม แต่ถ้าคดีมูลฐานที่เราสืบสวนขยายผลนั้นไปปรากฏเรื่องเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดหรือธุรกิจใดเราก็ต้องออกหมายเรียกให้บุคคลหรือนิติบุคคลนั้น ๆ มาสอบปากคำในฐานะพยาน
จึงสรุปว่า ณ ปัจจุบันยังปรากฏพยานหลักฐานที่มีความเกี่ยวข้องรับเงินกลุ่มขบวนการฟอกเงินชัดเจนเพียงรายเดียว ส่วนกรณีของนายเอ็ดดี้ พันณรงค์ ขุนพิทักษ์ ที่ได้มีการออกหมายจับไปนั้น คณะทำงานศูนย์คดียาเสพติด ระบุว่า ถ้าหากพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับนายพันธ์ธวัช ก็จะต้องชี้แจงให้ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับนายเอ็ดดี้อย่างไร
คณะทำงานศูนย์คดียาเสพติด เผยอีกว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้กำชับให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ต้องระมัดระวังเรื่องการที่คนจะนำไปกล่าวอ้างว่ามีการช่วยเหลือกันทางคดี หรือวิ่งเต้นคดี ดังนั้น คณะทำงานจึงต้องให้สิทธิ์ ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกออกหมายเรียก ทำให้ทนายความของนายพันธ์ธวัชได้เข้ามารับทราบประเด็นการสอบปากคำก่อน เพื่อให้เขาได้รู้ว่าดีเอสไอสอบสวนด้วยความเป็นธรรม และกลับไปเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง