จ.ตราด/การเดินทางมาของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรในประเด็นเรื่อง “การพัฒนาด่านชายแตนไทย – กัมพูชาเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและประชาชนในพื้นที่”ระหว่างวันที่ 8-9 มกราคม 2566 นำโดยนายมนูญ สิวาภิมย์รัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยพลตำรวจตรีสพิศาล ภักดีนฤนาถ รองประธานฯ นายศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราดพรรคก้าวไกล และเจ้าหน้าที่รวม 15 คนร่วม โดยมีโดยเดินทางมาตรวจพื้นที่บ้านท่าเส้น ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด ที่ติดต่อกับจุดผ่านแดนถาวรบ้านทมอดา ต.เวียงเวล อ.เวียงเวล จ.โพธสัต ของกัมพูชา และจุดผ่นปรนการค้าบ้านมะม่วง ต.นนทรี อ.บ่อไร่ จ.ตราด ที่ติดอยู่กับจุดเนิน 400 อ.สัมรูด จ.พระตะบอง
โดยการเดินทางมาครั้งนี้ น.อ.สันติ เกษศรีพงศา ผู้บังคับหน่วยนาวิกโยธินตราด(ผบ.ฉก.นย.ตราด)ได้ให้การต้อนรับที่พื้นที่ช่องทางผ่านแดนบ้านท่าเส้น นายธนัท โสวนะปรีชา ประธานหอการค้าจ.ตราด,นายวิมาน สิงหพันธ์ นายกสมาคมการค้าชายแดนไทยกัมพูชาด้านจ.ตราด นายอำเภอเมืองตราด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมมูลชายแดนในพื้นที่
น.อ.สันติ กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่บ้านท่าเส้นเป็นเพียงช่องทางธรรมชาติ ยังไม่มีฐานะเป็นจุดผ่อนปรนการค้า หรือจุดผ่านแดน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของทหารนาวิกโยธินทั้งหมด ที่ผ่านมามีการผ่อนปรนให้ประชาชนชาวกัมพูชาในพื้นที่เดินทางเข้ามาซื้อขายสินค้าและรักษาพยาบาลเพื่อมนุษยธรรม แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดโควิด 19 ในพื้นที่จะปิดไม่ให้มีการเข้าออก ขณะเดียวกันปัญหาในพื้นที่ยังมีปัญหาเขตแดนไม่ชัดเจนและยังมีข้อพิพาทอยู่จำนวน 17 จุด ตลอดแนวชายแดนทั้งในอำเภอบ่อไร่ และอ.เมือง ของจ.ตราด โดยเฉพาะในบริเวณบ้านทมอดา มีการก่อสร้างอาคารล้ำเข้ามาในเขตสันปันน้ำ ซึ่งทางฝ่ายทหารนายวิกโยธินได้ทำหนังประท้วงไปแล้ว แม้บางส่วนจะตอบรับและแก้ไขในระดับพื้นที่แล้ว แต่มีปัญหาที่ใหญ่กว่าในพื้นที่ยังไม่มีการแก้ไข ซึ่งในส่วนของฝ่ายทหารไม่ขัดข้องในการที่จะเปิดเป็นจุดผ่อนปรนการค้าหรือจุดผ่านแดนถาวร แต่ต้องการให้ส่วนราชการชายแดนที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมทำงานในพื้นที่ชายแดนร่วมกัน และหากสามารถเปิดได้ก็จะเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของจังหวัดตราด
นายธนัท กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการที่ผลักดันให้เปิดบ้านท่าเส้นเป็นจุดผ่านแดนถาวร เพื่อส่งเสริมให้เกอดการค้า การท่องเที่ยวระหว่าง 2 จังหวัด และยังสามารถเดินทางไปยังจังหวัดอื่นๆในกัมพูชาได้ อีกทั้งทีทผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดโพธิสัต และผู้ว่าราชการจ.ตราดและในระดับพื้นที่ได้มีการดำเนินการร่วมหารือและประชุม ซึ่งที่ผ่านมาชาวกัมพูชาต้องการเข้ามาจ.ตราดโดยผ่านจุดนี้เพราะเดินทางสะดวกไม่ต้องอ้อมไปเข้าที่หาดเล็ก ซึ่งจะทำให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นมาก และที่ผ่ารมาภาคเอกชนของจ.ตราดก็ได้เดินทางไปสำรวจและร่วมมือกับฝั่งโพธิสัตมาอย่างต่อเนื่อง และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ส่วนายศักดินัย กล่าวว่า การเปิดจุดผ่านแดนถาวรทั้งข้านท่าเส้น และบ้านมะม่วงเป็นความต้องการของภาคเอกชนของจังหวัดตราดที่เสนอผ่านไปยังจังหวัดตราด และได้รับการตอบสนองเพราะเห็นว่าจะเกิดผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศและเข้าจังหวัดตราดได้มาก แต่ที่ผ่านมามีความพยายามในการผลักดันมาอย่างต่อเนื่องแต่ผลลัพท์กลับไม่มีความคืบหน้ามาก การเดินทาวมาครั้งนี้เพื่อมาตรวจสอบในพื้นที่และรับฟังปัญหาของทางจังหวัดพร้อมข้อเสนอ ซี่งนับว่ามีประโยชน์มาก โดยทางสภาผู้แทนราษฎรจะเข้ามาผลักดันให้เกิดความสำเร็จโดยเร็ว และอยากจะให้แยกในเรื่องของความมั่นคงและการค้า โดยเดินคู่ขนานกันไปเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติเร็วที่สุด ซึ่งในจ.ตราดควรจะเป็นแนวทางเช่นนี้
หลังจากนั้น คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรเดินทางเข้าพบนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจ.ตราดและหัวหน้าส่วนราชการพร้อมเอกชนนำโดยสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจ.ตราด และหอการค้าจ.ตราด โดยนายมนูญ สิวาภิมย์รัตน์ ประธานกรรมาธิการฯได้กล่าวถึงเหตุผลที่เดินทางมาเพื่อต้องการรับทราบสถานการณ์ทั้งในพื้นที่ชายแดนทั้งสองจุด และรับทราบความต้องการของภาคเอกชนมและอุปสรรคของทางจังหวัดตราดว่าจะให้ทางคณะกรรมาธิการฯเข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาในด้านใดบ้างเพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย
โดยที่ผู้ว่าราชการจังหวัดตราดได้ให้ทางหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายความมั่นคง และราชการชายแดน โดยเฉพาะด่านศุลกากรคลองใหญ่ทและพาณิชย์จังหวัดตราดที่รายงานถึงมูลค่าการค้าระหว่างจ.ตราดกับ 3 จังหวัดในกัมพูชาที่มีพื้นที่ติดกับจ.ตราด โดยที่อำเภอคลองใหญ่ มีจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็กที่ส่งสินค้าเข้าไปทางจ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีมูลค่าการค้ากว่า 3.3 หมื่นล้านบาทในปี 2565 ขณะที่จุดผ่านผ่อนปรนการค้าบ้านมะม่วง และบ้านท่าเส้นมีมูลค่าปี 2565 จำนวน 10.48 ล้านบาท (ตัวเลขด่านศุลกากร)แต่ตัวเลขจากพาณิชย์จังหวัดตราด ที่รวมของหอการค้าจ.ตราดพบว่า ที่บ้านท่าเส้นมีมูลค่าการค้ากว่า 50 ล้านบาท/เดือน ส่วนบ้านมะม่วงในเดือนธันวาคมตั้งแต่เปิดจุดผ่อนปรนในวันที่ 19 ธันวาคม 2565 มีมูลค่า 718,005 บาท
ขณะที่พื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างศูนย์ราชการชายแดนของทั้งสองจุด ยังไม่ได้รับการอนุญาตจากกรมป่าไม้ รวมทั้งในพื้นที่ชายแดนยังไม่มีไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตไปถึงจึงไม่สามารถดำเนินการแบบวันสต๊อปเซอร์วิสได้
หลังจากจบการประชุมแล้ว นายชำนาญวิทย์ เปิดเผยว่า เรื่องนี้เป็นความพยายามของ จ.ตราดที่ต้องการเปิดชายแดน ซึ่งหากฟากกรรมาธิการมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน วันนี้ต้องขอบคุณคณะกรรมาธิการและส่วนราชการที่มารับทราบปัญหาร่วมกันซึ่ง ประธานคณะกรรมาธิการได้รับทราบปัญหาและจะนำไปผลักดันในระดับส่วนกลาง ในส่วนของ จ.ตราด ภาคเอกชน และ พี่น้องประชาชนทุกคนเรียกร้องและผลักดันให้มีการเปิดทั้ง 3 ด่าน และมีความพยายามผลักดันในเรื่องการติดตั้งระบบไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตรวมทั้งการส่งมอบพื้นที่ป่าไม้ให้ส่วนราชการยังดำเนินการไม่เรียบร้อย ทำให้ปัญหาเรื่องโครงสร้างต่างๆ ในระดับพื้นที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งหากสามารถเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรได้ทั้งหมด จะทำมีมูลค่าการค้ามากถึง 1 แสนล้านบาท ทั้งในมิติของการค้าและมิติด้านการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ จ.ตราดจะได้เฉพาะการท่องเที่ยว ส่วนภาคการค้าและอุตสาหกรรมจะไม่ได้ เพราะ จ.ตราดไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งทาง จ.ตราด มุ่งผลักดันให้ จ.ตราด เป็นแหล่งท่องเที่ยวในระดับอินเตอร์เนชั่นแนล นับจากนี้ทางจังหวัดได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องการสื่อสาร 3 ภาษา และสายการบินบางกอก อร์เวย์ก็พร้อมที่จะขยายรันเวย์เพื่อนำเครื่องบินขนาดใหญ่มาลงจาก 66 ที่นั่ง เป็น 160 ที่นั่ง ซึ่งเรากำลังผลักดันให้เป็นผลสำเร็จ รวมทั้งมีพยายามผลักดันให้มีการใช้ท่าเรืออเนกประสงค์ อ.คลองใหญ่มาทำเป็นท่าเรือเพื่อขนถ่ายสินค้า และท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยว หากทำได้สำเร็จจะทำให้ จ.ตราดมีประตูสู่ต่างประเทศถึง 5 จุด
ขณะที่ นายมนูญ กล่าวว่า หลังจากที่ทางคณะกรรมาธิการได้เดินทางมาตรวจสอบในพื้นที่พบว่าทั้งสภาพพื้นที่ชายแดนทั้งสองแห่งภาคราชการและภาคเอกชนมีความพร้อม และพื้นที่มีศักยภาพมากเมื่อท้องถิ่นและทางจังหวัดเข้มแข็งตนเองก็มีความเชื่อมั่นว่าจะทำให้การผลักดันนั้นง่ายขึ้น แต่ยังมีปัญหาและอุปสรรคด้านความมั่นคงกับเรื่องเศรษฐกิจออกจากกันก็จะผลักดันให้เปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องความมั่นคงที่อาจจะต้องใช้เวลาแก้ปัญหานาน ส่วนเรื่องการค้าและเศรษฐกิจสามารถทำได้ทันที ส่วนปัญหาเรื่องพื้นที่ศูนย์ราชการชายแดนในสองพื้นที่ที่กรมป่าไม้ยังไม่ได้เซนอนุญาตให้ใช้พื้นที่นั้น ในวันที่ 12 มกราคมนี้ คณะกรรมาธิการจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งอธิบดีกรมป่าไม้เข้ามาร่วมประชุมหารือเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ ซึ่งหากไม่อนุมัติก็ต้อง มีเหตุผลอธิบายว่ามีเหตุผลอะไร เพราะไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่สามารถเข้าไปดำเนินการสาธารณูปโภคในพื้นที่ชายแดนได้