เลือกตั้งทั่วไปใกล้เข้ามาทุกขณะ หนึ่งสนามที่น่าจับตามองเป็นพิเศษเพราะเป็นพื้นที่สำคัญของการเลือกตั้งเช่นกัน คือ “สนามเมืองหลวง” กรุงเทพมหานคร การเลือกตั้งรอบที่แล้วเมื่อ ๒๔ มี.ค.๒๕๖๒ มีส.ส. ๓๐ คนจาก ๓๐ เขต แต่เลือกตั้งเที่ยวหน้ากรุงเทพฯจะได้ส.ส.เพิ่มเป็น ๓๓ คน จากจำนวนส.ส.เขตทั้งประเทศ ๔๐๐ คน จึงไม่แปลกที่จะเป็นสนามเลือกตั้งที่แข่งขันกันดุเดือดสุดๆ เพราะเป็นจังหวัดที่มีส.ส.มากที่สุดของประเทศ ย้อนอดีตกลับไปดูผลการเลือกตั้งรอบที่แล้ว พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นพรรคที่ได้ส.ส.ไปมากที่สุดถึง ๑๒ คน กวาดคะแนนรวมในกทม.ไป ๗๙๑,๘๒๑ คะแนน ส่วนพรรคที่ได้ลำดับ ๒ และ ๓ มี ส.ส.เท่ากัน ๙ คน คือพรรคอนาคตใหม่หรือก้าวไกล (กก.) ในปัจจุบันที่ได้คะแนนไป ๘๐๔,๒๑๗ คะแนน ขณะที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ก็ได้ส.ส. ๙ คน กวาดไป ๖๐๔,๖๖๑ คะแนน ส่วนแชมป์เก่าหลายสมัยอย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คราวก่อนตกกระป๋องได้คะแนนกทม.มา ๔๗๔,๘๓๖ คะแนน ไม่ได้ส.ส.กทม.แม้แต่คนเดียว เรียกว่า “สูญพันธุ์” ในสนามกทม.กันเลยทีเดียว เพราะตอนนั้น “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคดันประกาศไม่สนับสนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ บรรดาแฟนคลับบิ๊กตู่ที่ก็เป็นฐานเดียวกับปชป. เลยเฮโลไปเลือกพปชร.หมด ผู้สมัครส.ส.พรรคสีฟ้าก็เลยล่องจุ๊นไปทั้งหมด แต่สำหรับการเลือกตั้งเที่ยวนี้สนามกทม.จะเปลี่ยนการช่วงชิงอำนาจอย่างเข้มข้นดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีพรรคการเมืองสารพัดพรรคพร้อมเข้ามาแย่งชิงเก้าอี้ส.ส. ๓๓ ตัว ไปครอบครอง ทั้ง “ขาประจำ” และ “ขาจร”
ในส่วนขาประจำหรือขาใหญ่ที่เคยครองแชมป์ในกทม. รอบนี้ต้องจับตาไปที่พท. อดีตแชมป์เก่าหลายยุคหลายสมัย ที่ช่วงหลังเริ่มกอบกู้ศักดิ์ศรีทวงเก้าอี้คืนมาได้ถึง ๙ ตัวในการเลือกตั้งคราวที่แล้ว แถมล่าสุดในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.บางส่วนของแฟนคลับพท.ยังไปหนุน “๒ ช.” อย่างชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จนได้เป็นผู้ว่าฯกทม.ด้วยคะแนนประวัติศาสตร์ ๑,๓๘๖,๒๑๕ คะแนน ขณะที่ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ๕๐ เขต พท.กวาดมาได้ถึง ๒๐ เขต มากที่สุดของการชิงชัย ด้วยความเป็นพรรคหลักในกทม. มีหัวคะแนนจัดตั้งทุกเขต มีฐานคนนิยม ผู้สมัครแต่ละคนอยู่พื้นที่มานาน แล้วนี้ “นายใหญ่-นายหญิง” วางตัว “เจ๊แจ๋น” พวงเพชร ชุนละเอียด เจ้าแม่เมืองหลวง สายตรงคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เป็นแม่ทัพ ตั้งเป้าหวังกลับมาทวงแชมป์อีกครั้ง
ด้านแชมป์เก่ารอบที่แล้วอย่างพปชร. จากอดีตเคยมีส.ส.ในมือ ๑๒ คน แต่ตอนนี้แตกสลายแยกย้ายกันไปหมด หลักๆหนีไปอยู่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กันหมดราว ๗ คน เลิกเล่นการเมืองหนึ่งคน ลาออกไปอยู่กับปชป.ตั้งแต่ไก่โห่หนึ่งคนคือ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ที่เหลืออีก ๒ คนหนีตามบิ๊กตู่ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ต้องบอกว่ายามนี้ในกทม. ชื่อของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพปชร.สิ้นมนตร์ขลังเสียแล้ว ไม่งั้นส.ส.กทม.ไม่แห่ลาออกจากพรรคไปหมด เพราะดูทรงแล้วให้ลุ้นยังไงก็ลุ้นไม่ขึ้นเพราะคนกทม.ไม่ชอบลุงป้อมเลย อยู่กับพปชร.ก็ตายหยั่งเขียดมีแต่สาละวันเตี้ยลง สู้ไปตายเอาดาบหน้าหาพรรคใหม่ดีกว่า งานหนักเที่ยวนี้จึงอยู่กับ “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ถูกลุงป้อมวางตัวคุมกทม.แต่สถานะในพรรคตอนนี้ของ อ.แหม่มก็ลูกผีลูกคน เดี๋ยวขึ้นหม้อเดี๋ยวเงียบเหงาเอาแน่เอานอนไม่ได้ และก็มีตัวช่วยอย่าง “เสี่ยจ้ำ” สกลธี ภัททิยกุล อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ที่ถูกดึงมาช่วยกู้วิกฤติพปชร. งานนี้ไม่รู้จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน เพราะขนาดตัวเองแท้ๆสกลธียังเอาตัวไม่รอดเลย ต้องลุ้นว่าถึงเวลาเลือกตั้งจริงๆลุงป้อมจะงัดไพ่เด็ดปล่อย “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ลงน้ำหรือ ปล่าวหลังมีข่าวว่ากลับเข้าพรรคมาแล้ว แต่รอเวลาใช้งานและเปิดตัว ด้านกก.คราวก่อนได้คะแนนดิบมากสุดในสนามกทม. แต่จากการที่พรรคคิดแต่จะล้มสถาบันมุ่งมั่นแต่ชังเจ้า แถมแกนนำมีคดีติดตัวบานเบอะ บางส่วนก็ทะเลาะกัดกันเอง รอบก่อนได้ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมมาช่วย เลยได้ส.ส.มาบานตะเกียง รอบนี้ใช้ระบบเลือกตั้งแบบเก่า บัตรเลือกตั้ง ๒ ใบ สูตรหาร ๑๐๐ กก.มีแววส่อกลับบ้านเก่าแน่ ในกทม.จากอดีตเคยได้ ๙ คน รอบหน้าต้องลุ้นว่าจะหลุดรอดเหลือมาสักกี่คน
ส่วนพรรคเสือหลับอย่างปชป. รอบก่อนหางด้วน ไม่ได้ส.ส.มาสักคน เสียรังวัดสถาบันการเมืองเก่าแก่หมด รอบนี้ดึง “ดร.เอ้”สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองแชมป์ผู้ว่าฯกทม.มาเป็นตัวชูโรง แถมตอนเลือกส.ก.ก็ได้มา ๙ คน พอหายใจได้บ้าง หนำซ้ำยังมีมาดามเดียร์มาเป็นตัวช่วย เชื่อแน่ว่ากองทัพสื่อในมือค่อนวงการใต้ปีกสามี “ฉาย บุนนาค” คงเขียนเชียร์ผู้สมัครพรรคสีฟ้ากันปากกาหัก ปั่นสกู๊ปกันมือหงิกพูดหน้าจอกันจนคอแห้ง แต่ก็ไม่รู้จะทำให้ปชป.กลับมาลืมตาอ้าปากได้ส.ส.ในกทม.กลับมาล้างอายสักคนสองคนได้หรือไม่ ด้านพรรคน้องใหม่มาแรงอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของบิ๊กตู่ แม้จะไม่มีส.ส.เก่าเป็นฐานให้อ้างอิง แต่จากการที่หัวหน้าพรรคและเลขาฯพรรคอย่าง “พีระพันธุ์-เอกนัฏ” เคยเป็นส.ส.กทม.เก่า บวกกับกระแสบิ๊กตู่ในกทม.ยังหากินได้อยู่ ล่าสุดมีตัวช่วยอย่าง “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯกทม.มาช่วยอีกแรง หนำซ้ำยังได้ส.ส.พปชร.เก่าอย่าง ประสิทธิ์ มะหะหมัด กับ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ มาอยู่ด้วย อย่างน้อยรทสช.ก็อุ่นใจพรรคใหม่นายกฯมีเก้าอี้ในกทม.อย่างแน่นอน
แต่ที่มาแรงสุดๆในกทม.รอบนี้ขอให้จับตาพรรคเก่ามาแรงอย่างภูมิใจไทย (ภท.) รอบนี้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล กับ “ครูใหญ่เน” เนวิน ชิดชอบ กะปักหมุดยึดเก้าอี้ส.ส.กทม.ให้ได้ โดยเฉพาะภายหลังจากที่ได้ “เสี่ยบี” พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรมว.ดิจิทัล ตกปากรับคำมาอยู่กับภท. โดยจะมานำทัพกทม.ด้วยตัวเอง แถมจัดการดึงเด็กเก่าจากพปชร.กทม.มายกพวงถึง ๗ คน ประกอบด้วย ๑.จักรพันธ์ พรนิมิตร ๒.น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ๓.กษิดิ์เดช ชุติมันต์ ๔.น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ๕.นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ๖. นางธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ๗.ศิริพงษ์ รัสมี ฯลฯ รอบนี้ภท.หวังสุดๆจะปักธงกทม.ให้สำเร็จยึดหัวหาดเมืองหลวงให้จงได้ หากทำสำเร็จจะประกาศตัวเป็นพรรคใหญ่ระดับชาติ สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นพรรคคู่เทียบเบียดกับพท.ทันที เพราะที่ผ่านมาถูกมองเป็นพรรคลูกไล่เป็นพรรคพระอันดับมาตอลด รอบนี้ถ้าได้ส.ส.กทม.มาหลายคนหรือหากทะลุถึงขั้นเป็นแชมป์เมืองหลวงได้สำเร็จ จะประกาศศักดาการเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลขั้วใหม่ในทันที เลือกตั้งเที่ยวนี้ภท.จึงหวังกับสนามกทม.แบบสุดๆ นอกจาก ๖ พรรคที่ว่า อย่าลืมพรรคที่พร้อมเป็นตัวสอดแทรกอย่างพรรคสร้างไทย (ไทยสร้างไทย+สร้างอนาคตไทย) ของ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กับ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ที่ระหว่างนี้กำลังตกผลึกเรื่องรวมพรรคอยู่ แต่ก็พร้อมส่งผู้สมัครชิงชัยในหลายเขตเช่นกัน อย่าลืมว่าเจ๊หน่อยคือเจ้าแม่เมืองหลวง ชิงผู้ว่าฯกทม. “ผู้พันปุ่น” น.ต.ศิธา ธิวารี ก็ได้คะแนนไปพอควรได้ แถมเลือกตั้งส.ก.ก็ได้ไป 2 คน เลือกตั้งทั่วไปจึงอาจจะเซอไพรซ์ได้ในบางเขตเช่นกัน รวมถึงพรรคชาติพัฒนากล้าของ “กรณ์-สุวัจน์” ที่พร้อมลงแข่งในสนามเมืองหลวงด้วย แถมกรณ์กับอรรถวิชญ์ก็คุ้นชินพื้นที่เมืองกรุงเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นก็ห้ามประมาทเด็ดขาด เลือกตั้งงวดเข้ามาทุกที จับตาสนามกทม.เข้าคูหาครั้งหน้าไฟลุกท่วมแน่ เพราะแต่ละพรรคก็แพ้ไม่ได้ทั้งนั้น
///////////////