“ทนายตั้ม” สวนอดีตรองนายกฯ พาลูกความแจ้งความกลับ ชี้ผิดฐานแจ้งความเท็จ ลั่นงานนี้คดีไม่พลิก

"ทนายตั้ม" สวนอดีตรองนายกฯ พาลูกความแจ้งความกลับ ชี้ผิดฐานแจ้งความเท็จ ลั่นงานนี้คดีไม่พลิก

ทนายตั้ม พาอดีตสามีกิ๊กสาว อดีตรองนายกฯ แจ้งความกลับเป็นคดีแจ้งความเท็จ ให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา ปมตกเป็นจำเลยร่วม คดีฉ้อโกง ยันเจ้าตัวรู้เต็มอกว่า ฝ่ายหญิงมีสามีแล้ว แต่ยังยินยอมพร้อมใจให้เกิดความสัมพันธ์ฉาว

 

 

12 ม.ค.66 เมื่อเวลา 09.00 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้ พานาย ก. ลูกความในคดีแพ่ง ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จากชายชู้และฟ้องหย่าภรรยาเหตุคบชู้ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย

ฐานแจ้งความเท็จและให้การเท็จ หลังจากที่เมื่อวานนี้ ( 11 ม.ค.) มีเอกสารหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขันว่า นายงยุทธ ได้ฟ้องร้อง หญิงที่เป็นข่าวพัวพันด้านชู้สาว นายก.สามี และพ่อแม่ของฝ่ายหญิง ในคดีร่วมกัน ฉ้อโกงทรัพย์ โกงสินสอด ดังที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยคดีนี้ มีการอ้างว่า อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้มีการสู่ขอ และทำพิธีผูกข้อไม้ ข้อมือ พร้อมมอบสินสอดทองหมั้นให้ฝ่ายหญิง ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถเรียกคืนได้ เพราะอดีตรองนายกรัฐมนตรี รู้ว่าตัวเองมีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอยู่ จะไปหมั้นกับผู้หญิงอื่นไม่ได้ การหมั้นจึงถือเป็นโมฆะ

ด้านทนายตั้ม เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า หากเป็นการตบทรัพย์ ต้องมีการต่อรองเพื่อไม่ให้เป็นข่าว แต่ที่ผ่านมา ฝั่งตนได้ฟ้องร้องอย่างเงียบ ๆ มาตลอด กระทั่งเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยจึงต้องออกมาเป็นข่าว เนื่องจากสามีนักธุรกิจซึ่งเป็นลูกความตนถูกคุกคาม จนต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อย และต้องแยกกันอยู่กับภรรยา ส่วนขั้นตอนการฟ้องหย่าได้มีการฟ้องหย่าไปในสำนวนเดียวกันกับการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ก่อนที่อดีตรองนายกฯจะแจ้งความตำรวจดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฉ้อโกง

ทนายตั้มยืนยันว่า คดีนี้ไม่พลิกแน่นอน และยืนยันว่าอดีตรองนายก รู้อยู่เต็มอกว่าฝ่ายหญิงมีสามีอยู่แล้ว ซึ่งมีหลักฐานสำคัญเป็นการแชทสนทนาที่สื่อโซเชียลฯ หลายสำนักนำเสนอ ส่วนกรณีที่อ้างว่า ถูกหลอกเอาทรัพย์สินไป 7 รายการนั้น ขณะเกิดเหตุมีใครอยู่บ้าง พ่อแม่และลูกความผมเกี่ยวข้องอย่างไร เรื่องข้ออ้างการสู่ขอฝ่ายหญิงนั้น อดีตรองนายกฯไปกับใคร มีสักขีพยานและหลักฐาน ขณะทำพิธีหรือไม่ ท้ายสุดคือ ทรัพย์สินมูลค่ากว่า 20 ล้านบาทนั้น นำไปให้ฝ่ายหญิงเมื่อใด ลูกความตนอยู่ด้วยหรือไม่

 

 

อีกทั้งยังเชื่อว่า ยอดเงิน หรือทรัพย์สิน ที่อดีตรองนายกให้ฝ่ายหญิงมานั้น คงไม่ถึงยอดดังกล่าวแน่นอน ถ้าถึงจริงต้องเอาหลักฐานมายืนยัน ไม่ใช่กล่าวหาลอย ๆ และตำรวจต้องไปสืบหาเส้นทางการเงิน 20 ล้านบาทด้วย และหากอดีตรองนายกฯรู้ว่าตัวเองโดนหลอก เหตุใดจึงไม่ออกมาให้ข่าวแต่แรก กลับรอให้มีภาพหลุดมาก่อน ด้วยเหตุผลต่างๆ ที่ตนกล่าวมา จึงตัดสินใจนำลูกความ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกลับอดีตรองนายกฯฐานแจ้งความเท็จ รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง พร้อมจะให้การช่วยเหลือลูกความตนในคดีฉ้อโกงที่ถูกแจ้งความอย่างถึงที่สุด

นอกจากนี้ นายษิทรา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุด ตนได้รับแจ้งข่าว จากบุคคลที่รู้จักที่ทำงานอยู่อำเภอสามพราน จ.นครปฐม เมื่อประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนหน้าที่จะแถลงข่าว ว่า นายยงยุทธ และภรรยาได้จูงมือกันขึ้นไปจดทะเบียนหย่า เพื่อให้ตนเองกลับไปมีสถานะโสด เพื่อจะได้ดำเนินคดีกับกลุ่มลูกความตน ตามกฎหมายได้

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น