พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถือเป็นพรรคการเมืองขนาดกลางที่ก่อตั้งมานานหลายปี ย้อนอดีตกลับไปเมื่อ ๕ พ.ย. ๒๕๕๑ พิพัฒน์ พรมวราภรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก เคียงข้างมงคล ศรีอ่อน เป็นเลขาธิการพรรค ต่อมา ๑๒ มี.ค.๒๕๕๒ ได้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดย “ปู่จิ้น” ชวรัตน์ ชาญวีรกูล ได้รับเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรค มี “เจ๊วา” พรทิวา นาคาศัย นั่งเป็นเลขาธิการพรรค ต่อมาพ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ร่วมรัฐบาลยุค “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกระทรวงสำคัญ อาทิ รมว.มหาดไทย รมว.พาณิชย์ รมว.คมนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ ได้ส.ส.มา ๓๔ คน และได้เข้าร่วมเป็นฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะเห็นได้ว่านานหลายปีที่ภท.เตาะๆแตะๆมาตลอดเป็นพรรคการเมืองที่ได้ส.ส.ไม่เคยเกิน ๕๐ คน
จะมาลืมตาอ้าปากได้ส.ส.เกินครึ่งร้อยขึ้นมาจริงๆ ก็เมื่อการเลือกตั้งรอบที่แล้ว ๒๔ มี.ค. ๒๕๖๒ ที่ภท.ภายใต้การนำของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค มี “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค น้องชายผู้ก่อตั้งพรรคตัวจริงเสียงจริงอย่าง “เสี่ยเน” เนวิน ชิดชอบ เป็นแม่บ้านพรรค สามาถคว่าส.ส.ได้มากสุดเป็นประวัติศาสตร์ โดยได้ส.ส.แบบแบ่งเขต ๓๙ คน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ๑๒ 12 คน รวม ๕๑ คน ก่อนจะเข้าร่วมรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะพรรคอันดับ ๓ โดยได้รับตำแหน่งสำคัญ ๗ ตัว ประกอบด้วย ๑.รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ๒.รมว.คมนาคม ๓.รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ๔.รมช.มหาดไทย ๕.รมช.พาณิชย์ ๖.รมช.ศึกษาธิการ และ ๗. รมช.เกษตรและสหกรณ์
ถามว่าถ้าเป็นพรรคอื่นพอใจไหมก็น่าจะพอใจ เพราะเป็นพรรคใหม่ที่ตั้งขึ้นมาได้สิบกว่าปี แต่ถ้าถามคนในแกนนำภท.แค่นี้คงน้อยไปสำหรับพรรคอายุกำลังวัยรุ่นกำลังห้าวอย่างภท. อย่าลืมว่า ๔ ต.ค.๒๕๖๕ ที่ผ่านมาในงานวันเกิดครบรอบ ๖๔ ปีของเนวิน เจ้าตัวพูดทีเล่นทีจริงว่าเลือกตั้งคราวหน้าขอให้ภท.ได้ส.ส.กลับเข้าสภาเท่าอายุครูช้างคือ ๑๒๐ ปี ส.ส. ๑๒๐ คน แม้จะเป็นการพูดจาทีเล่นทีจริง แต่คนคิดลึกคิดมากแฝงนัยยะอย่างเนวิน พ่นอะไรออกไปก็มีเป้าหมายมีความหมายทั้งนั้น ส.ส.๑๒๐ คนหลายคนอาจมองว่าสูงไปแต่เกิน ๑๐๐ คน นั้นแหละคือเป้าจริงที่ภท.จะพยายามไปให้ถึงแน่ อดีตตอนเลือกตั้งได้แค่ ๕๑ คน อยู่ไปอยู่มาที่ย้ายพรรคมีไขก๊อกออกมาอยู่ด้วยก็ปาเข้าไป ๖๐ กว่าคน แถลงล่าสุดมีส.ส.จากต่างพรรคถึง ๙ พรรคราว ๓๔ คนไปปรากฎตัวร่วมงานด้วย บวกลบคูณหารในมือตอนนี้ก็มีเกือบๆร้อยคนแล้ว
ล่าสุดๆสดๆร้อนๆ “เสี่ยบี” พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตแกนนำพปชร. ที่ถูกเสี่ยหนูทาบทามให้มาช่วยสร้างฐานเสียงในกทม.ให้ภท.มาพักใหญ่แล้ว ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวเปิดหน้ากันเสียที หลังจากมุดอยู่ใต้ดินมานาน วานนี้ ๑๑ ม.ค.๖๖ ช่วงเช้าเสี่ยบีเลยพาส.ส.พปชร.ก๊วนกทม.ของตัวเองที่ประกอบด้วย จักรพันธ์ พรนิมิตร น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ กษิดิ์เดช ชุติมันต์ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา รวมถึงทีมงานคนรุ่นใหม่ลูกท่านหลานเธอพวกนามสกุลดังที่เตรียมตัวลงชิมลางการเมือง อาทิ น.ส.พีร์ปภาอร เสถียรไทย หลานสาวของ สุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรองนายกฯ นางศลิษา สิงหเสนี น.ส.พิชามญช์ ชมะนันทน์ น.ส.อัชญา จุลชาต และ พศิน ชาญศิลป์ ไปกราบศาลหลักเมืองและไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดพระแก้ว จากนั้นในช่วงบ่ายก็นำทั้งหมดขึ้นรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามาสมัครเป็นสมาชิกภท. ณ ที่ทำการพรรคแถวบางเขนโดยมีเสี่ยหนูและแกนนำให้การต้อนรับ พุทธิพงษ์ชูนโยบาย ๒๔/๗ ทำงาน ๒๔ ชม.ตลอด ๗ วัน มั่นใจผลงานภท.เข้าตาคนกรุง หลังโชว์ผลงานหลายเรื่องให้คนกรุงเห็นเป็นรูปธรรมทั้งๆที่ไม่มีส.ส.กทม.แม้แต่คนเดียว แต่ก็รับใช้ทำงานให้อย่างเต็มที่ ขณะที่ช่วงเช้าที่พรรคทาง วีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ ของพปชร.ก็มาสมัครเป็นสมาชิกใหม่ เรียกว่าตอนนี้ภท.เนื้อหอมสุดๆใครๆก็อยากมาอยู่ด้วย
ภาคอื่นๆ ภท.มีส.ส.ครบหมดแล้ว เหลือก็แต่เมืองหลวงกทม.นี้แหละ ที่เสี่ยหนูกับครูใหญ่เน ยังไม่สามารถลงอาคมฝังเข็มได้เสียที แต่รอบนี้โอกาสมาถึงแล้วความเป็นไปได้ที่ภท.จะเหยียบเท้าเข้ากรุงเทพฯมีแน่นอนและมีเปอร์เซ็นต์สูงลิ่วด้วย อย่าว่าแต่ ๔-๕ คนเลย ถ้ารักษาเก้าอี้ทั้งหมดที่มาจากพรรคอื่นได้อย่างน้อยก็อาจได้ส.ส.ราวๆ ๘-๑๐ คน ถ้าได้เท่านี้มีลุ้นเป็นแชมป์ได้เลย เพราะกทม.หลายพรรคแข่งขันกันสูงสู้กันหนักหน่วง แต่บอกเลยว่าพรรคสีน้ำเงินสายเขียวมีลุ้นกวาดส.ส.เป็นกอบเป็นกำแน่นอน ถ้าลงพื้นที่ดีๆ วางกลยุทธ์แข็งๆ ออกนโยบายใหม่ๆสวนกระแสแรงๆ หรือ ฉีกแนวไปเลย บอกได้เลยว่าภท.มีลุ้นแน่ เพราะตัวผู้สมัครมีฐานคะแนนในเขตอยู่แล้ว ส่วนพรรคเองก็มีเงิน มีกระสุน พร้อมสู้ทุกเขตทุกพื้นที่ จุดขายภท.เหมือนอย่างที่เสี่ยหนูครูเนประกาศ “การเมืองไม่ขัดแย้ง” ไร้สีไร้ขั้วไร้ฝ่าย ภท.ชูจุดยืนการเมืองยุคใหม่ต้อง “ไม่มีมิตรแท้ และ ศัตรูถาวร” ไม่งั้นบ้านเมืองจะติดหล่มไปต่อลำบาก รอบนี้ถ้าได้ส.ส.กทม. ภท.จะสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นพรรคการเมืองหลักของแวดวงการเมืองไทย มีส.ส.ครบทุกภาคและเมืองหลวง สมบูรณ์ทั้งภาพลักษณ์ครบถ้วนทั้งบุคคลากร หนำซ้ำจะกลายเป็นพรรคการเมืองขั้วที่ ๓ เป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนไทย นอกจากขั้วแรกคือพท.กับพรรคร่วมฝ่ายค้านใต้ปีกทักษิณ ขั้วที่สองคือพี่น้อง ๒ ป. บูรพาพยัคฆ์ “พปชร.-รทสช.” ของลุงป้อมกับบิ๊กตู่ ก็เป็นภท.นี้แหละที่จะกลายมาเป็นขั้วทางเลือกขั้วตาอยู่ให้กับคนไทยส่วนจะไปได้ไกลมากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่การตัดสินใจของคนไทยทุกคน
/////////////////////