“หมอวรงค์-สรส.” จี้ยกเลิกประมูลดาวเทียม ลั่นกสทช.ต้องคืนสิทธิ์ NT

"หมอวรงค์-สรส."จี้ยกเลิกประมูลดาวเทียม ลั่นกสทช.ต้องคืนสิทธิ์ NT

สืบเนื่องจากที่ประชุมกสทช. ได้มีมติเห็นชอบผลการตรวจสอบคุณสมบัติ ประสบการณ์ และความสามารถทางด้านการเงินของผู้ขอรับอนุญาตสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (package) เพื่อเป็นผู้เข้าร่วมการคัดเลือก จำนวน 3 ราย ได้แก่ บริษัท สเปซ เทค อินโนเวชั่น จำกัด ในเครือ บมจ.ไทยคม (THCOM) / บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พร้อม เทคนิคคอล เซอร์วิสเซส จำกัด ทำให้ทั้ง 3 บริษัท มีสิทธิที่จะเข้าร่วมประมูลในวันที่ 15 ม.ค.66 โดยจะมีการประมูลสาธิต (mock auction) ให้ผู้เข้าร่วมประมูลในวันพรุ่งนี้( 14 ม.ค.66) ที่ สำนักงาน กสทช.

สำหรับชุดข่ายงานดาวเทียมที่จะนำมาประมูลฯ มี 5 ชุด (Package) ประกอบด้วย
ชุดที่ 1 ประกอบด้วย วงโคจร 50.5E (ข่ายงาน C1 และ N1) และวงโคจร 51E (ข่ายงาน 51) ราคาเริ่มต้นการประมูล 374 ล้านบาทเศษ

ชุดที่ 2 ประกอบด้วย วงโคจร 78.5E (ข่ายงาน A2B และ 78.5E) ราคาเริ่มต้นการประมูล 360 ล้านบาทเศษ

ชุดที่ 3 ประกอบด้วย วงโคจร 119.5E (ข่ายงาน IP1, P3 และ 119.5E) และวงโคจร 120E (ข่ายงาน 120E) ราคาเริ่มต้นการประมูล 397 ล้านบาทเศษ

ชุดที่ 4 วงโคจร 126E (ข่ายงาน 126E) ราคาเริ่มต้นการประมูล 8 ล้านบาทเศษ

ชุดที่ 5 วงโคจร 142E (ข่ายงาน G3K และ 142E) ราคาเริ่มต้นการประมูล 189 ล้านบาทเศษ

ข่าวที่น่าสนใจ

 

 

 

 

 

ล่าสุดวันนี้ (13 ม.ค.66 ) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี พร้อมด้วยนายสาวิทย์ แก้วหวาน ที่ปรึกษาสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT (สร.ทช.) พรรคสังคมประชาธิปไตยและพรรคไทยภักดี ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อขอให้ยกเลิกการประมูลสิทธิในวงโคจรดาวเทียม และให้ NT เป็นผู้ดำเนินการดาวเทียมเอง พร้อมเอกสาร ความเห็นแย้งของสรส. และสร.ทช หลังจากที่ กสทช. ได้มีหนังสือตอบกลับทางด้านสรส.-สร.ทช เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ในการยกวงโคจรดาวเทียมให้แก่ NT หน่วยงานรัฐดำเนินการเอง โดยมี นายเสน่ห์ สายวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กสทช.เป็นผู้รับมอบ

 

นพ.วรงค์ ระบุว่า สิ่งที่ทำให้ภาคีเครือข่ายออกมาวันนี้ เพื่อขอให้ กสทช. ยกเลิกการประมูล และให้ NT ดำเนินการ และประเด็นสำคัญ คือ การที่ กสทช ได้ทำหนังสือชี้แจงกลับมาที่หน่วยงานของพวกเรา โดยคำชี้แจงที่ส่งกลับมานั้น ตนเองมองว่ามันไม่ถูกต้อง สิ่งที่ชี้แจงมา กสทช.เข้าใจไม่ถูกต้องหรือพูดความจริงไม่หมด และยังเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด จนทำให้ภาคีเครือข่ายและประชาชนจับได้ว่า สิ่งที่ กสทช.ผู้มาไม่เป็นการพูดความจริงไม่หมด และน่าจะมีความละอายแก่ใจจนนำไปสู่การยกเลิกประมูล

สำหรับประเด็นที่ กสทช. พูดความจริงไม่หมดและเข้าใจไม่ถูกต้อง คือ ในเรื่องของการอ้างถึงเรื่องการค้าเสรี หรือ การแข่งขันเสรี ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้กับกิจการบนผิวโลก และการจะไปอ้างการแข่งขันเสรีกิจการโทรคมนาคมบนอวกาศไม่ได้ เพราะดาวเทียมเป็นเรื่องของความมั่นคงและการโจรกรรมและเรื่องการสื่อสาร ดังนั้น จึงไม่สามารถใช้การแข่งขันเสรีบนอวกาศไม่ได้เพราะมันมีเรื่องของความมั่นคงประกอบอยู่ด้วย

อีกทั้งกสทช. อ้างว่า การจะให้ NT มาดำเนินการหรือรัฐดำเนินการให้ทำในโครงข่ายดาวเทียม ในกิจการสาธารณะ เท่านั้นห้ามทำในเชิงพาณิชย์ ไม่ถูกต้อง ซึ่งจุดนี้ทางด้าน กสทช. คิดเห็น ตั้งกฎหมายเอง ไม่ทราบได้ แต่ในส่วนของตนเองนั้น ได้มีการอ้างอิง รัฐธรรมนูญมาตรา 75 ส่วน กสทช. ได้อ้างอิงรัฐธรรมนูญมาตรา 75 ว่า ไม่ครอบคลุมรัฐกับเอกชนห้ามทำธุรกิจแข่งกันแต่มีข้อยกเว้นในเรื่องของความมั่นคงและประโยชน์สาธารณะ และระบบสาธารณูปโภค ซึ่งดาวเทียมครอบคลุม ทั้งเรื่องของความมั่นคงระบบสาธารณะและสาธารณูปโภคทั้งหมด ดังนั้นรัฐ โดยเฉพาะ NT ควรมีสิทธิ์ดำเนินการในเรื่อง และไม่ควรมาปิดกั้น

นพ.วรงค์ ย้ำอีกว่า สิ่งที่กสทช. พยายามชี้แจง จะนำไปสู่การผูกขาด เพราะอดีตที่ผ่านมาก็เป็นการผูกขาดอยู่แล้ว แต่เป็นการผูกขาดภายใต้การควบคุมของรัฐแต่ในครั้งนี้จะเป็นการผูกขาดที่เป็นการยกสมบัติชาติให้เอกชนดูแล ทั้งในการเจรจาหรือทำอะไรกับประเทศใดก็ได้โดยที่ประชาชนไม่รู้เรื่อง อีกทั้ง ในการสื่อสารยุคใหม่ ซึ่งเป็นยุคของดิจิตอลทุกคนจำเป็นจะต้องใช้อินเตอร์เน็ต และจะมีการยิง ดาวเทียมอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงจะเกิดขึ้นในช่วงสิ้นปีนี้ หากรัฐเป็นผู้ดำเนินการเองเชื่อว่าสิทธิในการใช้อินเตอร์เน็ตของประชาชนจากครอบคลุมประเทศไทยและมีราคาที่ไม่แพง ราคาอินเตอร์เน็ตจะถูกลงกว่านี้เยอะ รวมถึงเรื่อง ดาวเทียมดวงที่ 4 และ 6 ที่ขณะนี้ก็เป็นของรัฐบาล แต่เหตุใดกสทช.จึงได้มาเปิดสิทธิในวงโคจร เพราะเมื่อเป็นของรัฐ เหตุใดที่ไม่ยอมให้ NT เข้าไปควบคุมดาวเทียม. ยืนยันสิทธิ์เป็นของ NT ขณะเดียวกัน กสทช. อ้างว่าดาวเทียมบางดวงจะหมดอายุ หากไม่ดำเนินการ สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ( ITU ) จะยึดสิทธิ์ในวงโคจรให้ประเทศอื่น แต่หากประเทศไทยดำเนินการไม่ทันประเทศอื่น ก็จะใช้ดาวเทียมสำรองซึ่งสิ่งเหล่านี้กสทช.ไม่ได้พูดออกมา

พร้อมย้ำว่า กิจการเพื่อความมั่นคงและกิจการเพื่อการจารกรรมและกิจการสื่อสารเพื่อสาธารณูประโภคพื้นฐาน ของประชาชนรัฐต้องเป็นผู้ดำเนินการ นี่คือหลักการขั้นพื้นฐานแต่สามารถให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมได้แต่หากยกสมบัติทุกอย่างให้เอกชนก็จะนำไปสู่การผูกขาดและเป็นการผูกขาดที่อันตรายที่สุดเป็นการผูกขาดแบบยกสิทธิ์ให้เอกชนไม่ใช่การผูกขาดภายใต้ระบบสัมปทาน อินเตอร์เน็ตปรับขึ้นราคาประชาชนจะเดือดร้อนขอเรียกร้องให้รัฐดำเนินการ

 

 

นพ.วรงค์ ระบุอีกด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีการเปิดช่องทางให้ NT เข้าร่วมประมูลแข่งขัน มองว่า เป็นการเล่นปาหี่ให้ประชาชนดูเพราะศักยภาพของ NT ถูกควบคุมโดยนักการเมือง NT จะไปสู้กับภาคเอกชนก็สู้ไม่ได้ และวันนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าเอกชนรายไหนที่ต้องการได้รับสัมปทานและมีความสัมพันธ์กับฝ่ายการเมืองเช่นไร และการส่ง NT เข้าร่วมประมูลก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งความจริงตนก็อยากจะบอกว่าในการประมูลครั้งนี้ บริษัทไหนที่จะได้รับการประมูลและรู้ว่าต้องการตำแหน่งดาวเทียมจุดไหน พร้อมให้จับตาที่จุด 78.5 -119.5 และ 120 องศาตะวันออก 3 จุดนี้แน่นอน และขณะนี้มีการเตรียมความพร้อมที่จะยิงดาวเทียมดวงใหม่ในช่วงปลายปีเป็นดาวเทียมที่มีศักยภาพสูงกว่าเดิมครอบคลุมการใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้กับประชาชนจึงมีการเร่งดำเนินการเพื่อประมูลสิทธิใบอนุญาตในเร็ววันนี้

 

ขณะที่ทางด้านนายสาวิทย์ แก้วหวาน ที่ปรึกษาสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ระบุว่า พวกเรายืนยันจุดยืนที่ต้องการให้มีการยกเลิกการประมูล และให้หน่วยงานของรัฐเข้ามากดำเนินการ เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติ และประชาชน พร้อมเรียกร้องไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แม้ว่ากสทช. จะเป็นองค์การอิสระแต่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐ นายกรัฐมนตรีไม่ควรอยู่เหนือเงื่อนไขเพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง

 

มูลค่าโครงข่ายดาวเทียมนับแสนล้านแต่กลับประมูลกันแค่เพียงหลักร้อยล้านบาทเป็นเรื่องที่ประชาชนรับไม่ได้ อีกทั้งในเรื่องของผลประโยชน์ที่มีมูลค่ามหาศาลที่เกี่ยวข้องกับประชาชนการที่รัฐบาลเพิกเฉยและปล่อยให้กสทช. ทำหน้าที่ยกกิจการและกรรมสิทธิ์ให้เอกชนดำเนินการส่งผลต่อความสูญเสียในอนาคต. ยืนของกลุ่มมีความชัดเจนคือการต่อสู้เรื่องนี้ต่อไปไม่ว่าผลหารือ กสทช. จะออกมาเช่นไร และนายกรัฐมนตรีก็ไม่ควรทำงานการเมืองอย่างเดียวสิ่งเหล่านี้คือ เครื่องพิสูจน์ว่ารัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ทำเพื่อประเทศชาติมากน้อยแค่ไหน

ส่วนทางด้านนายเสน่ห์ สายวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กสทช. ระบุว่า จะนำหนังสือที่ได้รับมอบวันนี้ส่งต่อไปให้ผู้มีอำนาจในการพิจารณาโดยเร็วที่สุด

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ก.แรงงาน" เตรียมเปิดขึ้นทะเบียน "แรงงานต่างด้าว" รอบใหม่
เจาะ "MOU44" พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา "เกาะกูด" เป็นของใคร
"สมชัย" เผยเคยทำงานร่วม "กิตติรัตน์" ยอมรับเป็นคนเก่ง แต่เพราะเคยตามใจฝ่ายการเมืองทำประเทศชาติเสียหาย
ระทึก "รถทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงแสน" ชน "รถพ่วง" พลิกคว่ำตกข้างทาง ผู้โดยสารบาดเจ็บอื้อ
"ศิริกัญญา" ปูดข่าว รบ.วางแผนยึดการบินไทย ส่ง 2 ผู้บริหารฟื้นฟู
โมเดลใหม่...ประมงสมุทรสงครามเปิดตัวกิจกรรม “สิบหยิบหนึ่ง” ปราบปลาหมอคางดำ จับมือเกษตรกรร่วมแก้ปัญหาในบ่อเลี้ยงเกษตรกรและแหล่งน้ำธรรมชาติ
"กองปราบฯ" รับโอนคดี "ซินแสชื่อดัง" หลอกผู้เสียหายสูญเงิน 66 ล้าน
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 6 (ตรัง) ศึกษาดูงานด้านการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล
"นครราชสีมา" เสี่ยงภัยแล้ง 10 อำเภอ ชลประทานประกาศงดทำนาปรังทั้งจังหวัด
"อัจฉริยะ" แจงผลสอบ "อาหารเสริม Eighteen 18" พบมีเลข อย.ถูกต้อง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น