สืบเนื่องจากการที่มีสื่อมวลชนบางสำนัก ใช้คำพาดหัว “ดีแทค” ระส่ำ โดยการอ้างข้อมูลแหล่งข่าววงการโทรคมนาคม ระบุพนักงาน DTAC จำนวนหนึ่งตกใจกับข่าวการควบรวมธุรกิจ TRUE – DTAC และจะมีการตั้งชื่อองค์กรธุรกิจ ว่า บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ภายหลังการควบรวม ซึ่งสื่อมวลชนดังกล่าว ใช้คำว่า เทคโอเวอร์ พร้อมให้ข้อมูลประกอบ กรณีการเปลี่ยนชื่อเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ DTAC มีผลประกอบการกำไรอย่างต่อเนื่อง
จากการตรวจสอบของ TOP NEWS พบว่า แผนการควบรวมธุรกิจ TRUE และ DTAC เป็นที่รับรู้รับทราบมาตั้งแต่ปี 2564 และ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2565 เนื่องในโอกาสการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU-Memorandun of Understanding) ทางธุรกิจระหว่างกัน
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ ประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ย้ำชัดเจนว่า “ดีลระหว่าง True-dtac ไม่ใช่การซื้อกิจการ แต่เป็นการ “ควบรวม” ที่สามารถทำได้ ไม่ใช่การซื้อกิจการ โดยทั้งสองฝ่ายยังคงถือหุ้นในบริษัทใหม่ ประมาณ 30% ทั้งสองฝ่าย ไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่”
รวมถึงระบุว่า ตอนนี้ทุกอุตสาหกรรมโดน Disrupt กันทั้งหมด ธนาคารไทยต้องแข่งขันกับ FinTech ทั่วโลก , Digital TV ของไทย ต้องแข่งกับ Digital Media อย่าง Netfilx และ Disney+ ดังนั้น การควบรวม TRUE-DTAC จึงเป็นการรวมตัวเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นและแข่งขันในตลาดได้ อีกทั้งในภาพรวมการแข่งขันก็ไม่ได้ลดลง ค่าบริการไม่ได้แพงขึ้น เพราะ กสทช. ยังควบคุมราคา และยังมีกลไกตลาดอยู่ ในทางกลับกัน การมีผู้เล่น 2 รายที่แข็งแกร่ง น่าจะทำให้ภาวะการแข่งขันมีมากขึ้นด้วย
สำคัญสุด นาย ซิคเว่ เบรคเก้ President and Chief Executive Officer (CEO) เทเลนอร์ กรุ๊ป พูดด้วยซ้ำว่า การร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยยกระดับ อุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทย เพราะจะเกิดบริการใหม่ๆ ที่หลากหลายในราคาที่เหมาะสม รวมถึงเป็นการลดภาระการลงทุนที่ซ้ำซ้อน แต่ทำให้เกิดเครือข่ายที่ครอบคลุม มีคุณภาพเพื่อให้บริการ และ ช่วยส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล สร้างอุตสาหกรรมโทรคมนาคม-เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประเทศไทย
ไม่เท่านั้นในเอกสารบางส่วนของ DTAC นำแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ฯ เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2566 ยังระบุด้วยว่า ทั้งสองบริษัทจะดำเนินการควบรวมให้แล้วเสร็จ ในไตรมาสแรกของปีนี้ ทั้งนี้ จนกว่าการควบรวมกิจการจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งสองบริษัท จะคงแยกกันดำเนินธุรกิจ โดยให้บริการลูกค้าตามปกติและไม่ได้รับผลกระทบใดๆ