วัุนที่ 17 ม.ค. 2566 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางถนน โดยมีแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ระยะ 20 ปี พ.ศ. 2560-2579 รวม 21 เส้นทาง ระยะทาง 6,612 กิโลเมตร เพื่อเสริมศักยภาพระบบการขนส่งทางถนนให้มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยง ครอบคลุม และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ของประเทศ โดยได้มีคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 ได้อนุมัติงบประมาณวงเงิน 19,700 ล้านบาท ก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 82 สายบางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 35 หรือถนนพระราม 2 และเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางและการขนส่งสินค้าระหว่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลงสู่ภาคใต้ของประเทศ
ทิพานัน" โชว์ผลงาน “พล.อ.ประยุทธ์” อีก2ปีได้ใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 82 สายบางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว แก้ปัญหารถติดถนนพระราม 2 เชื่อมโยงเดินทาง ขนส่งสินค้า ท่องเที่ยวจากกทม.สู่ภาคใต้
ข่าวที่น่าสนใจ
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 82 สายบางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว มีจุดเริ่มต้นบริเวณ กม. 20+295 ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร และสิ้นสุดบริเวณ กม. 36+645 ในเขตพื้นที่อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร รวมระยะทางประมาณ 16.350 กิโลเมตร แบ่งงานก่อสร้างโยธาจำนวน 10 ตอน ความคืบหน้า ณ สิ้นเดือน พฤศจิกายน 2565 ในภาพรวมอยู่ที่ 10.453% คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2568
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การวางโครงข่ายการคมนาคม โครงการนี้มีความสำคัญอย่างมากนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดถนนพระราม 2 แล้ว ยังเชื่อมโยงกรุงเทพมหานคร สู่พื้นที่ภาคใต้ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และยังเป็นเส้นทางส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคใต้ กระจายการพัฒนาเศรษฐกิจไปยังพื้นที่ห่างไกลเพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศอย่างยั่งยืน “พล.อ.ประยุทธ์มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการจราจร ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ได้เน้นย้ำให้การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานโครงการต่างๆให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ ได้มาตรฐานและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนกินดี อยู่ดี มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน”รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง