อ่วม ศาลสั่งจำคุก “หนุ่มไรเดอร์” มือเผาพระบรมฉายาลักษณ์ ขณะร่วมม็อบ 2 ปี 4 เดือน

อ่วม ศาลสั่งจำคุก “หนุ่มไรเดอร์” มือเผาพระบรมฉายาลักษณ์ ขณะร่วมม็อบ 2 ปี 4 เดือน

เพจ “ศูนย์ทนายความฯ” เผย ศาลอาญาพิพากษาจำคุก “สิทธิโชค” หนุ่มไรเดอร์ เผาพระบรมฉายาลักษณ์ขณะร่วมชุมนุมม็อบ 3 นิ้ว เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2564 ชี้หลักฐานคลิปวิดีโอชัดเจน คุมตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รอคำสั่งศาลอุทธรณ์ว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่

 

โดยเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความว่า 17 ม.ค. 2566 เวลา 9.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในคดีของนายสิทธิโชค เศรษฐเศวต ไรเดอร์ส่งอาหารวัย 26 ปี ซึ่งถูกฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ, วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 217 และ 358 พร้อมกับข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการถูกกล่าวหานำของเหลวคล้ายว่าเป็นน้ำมันไปฉีดพ่นใส่กองเพลิงที่ลุกไหม้อยู่บริเวณฐานพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง รัชกาลที่ 10 และพระราชินี บริเวณเกาะกลางถนนราชดำเนินนอก แยกผ่านฟ้าลีลาศ ระหว่างการชุมนุม # ม็อบ18 กรกฎา 2564

ในช่วงเช้าก่อนเริ่มการพิจารณา ที่ห้องพิจารณา 703 “สิทธิโชค” และญาติผู้มาให้กำลังใจ ได้เข้ามานั่งรอหน้าห้องพิจารณาคดี โดยมีทนายความ ผู้สังเกตการณ์คดีจาก iLaw และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าร่วมฟังคำพิพากษาด้วย

เวลา 09.45 น. ศาลออกนั่งพิจารณา และเริ่มอ่านคำพิพากษาโดยสรุปว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดจริงหรือไม่ พิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทางพยานโจทก์ คือเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เป็นประจักษ์พยาน เบิกความในทำนองเดียวกันว่า เห็นจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุจริง รวมถึงมีภาพกับคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานยืนยัน พยานไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย ศาลจึงเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความตามความเป็นจริง การที่จำเลยอยู่ในที่ชุมนุมขณะที่มีการประกาศบังคับใช้ข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จึงถือว่าเป็นความผิด

ข่าวที่น่าสนใจ

แม้จำเลยจะอ้างว่า ขณะนั้นตนกำลังทำหน้าที่รับส่งอาหารหน้าร้าน และแวะหยุดดูการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมดังกล่าวแต่อย่างใด ศาลเห็นว่าคำเบิกความของจำเลย เป็นเพียงการเบิกความลอย ๆ ไม่ปรากฎหลักฐานว่าจำเลยกำลังทำงานรับส่งอาหารตามที่กล่าวอ้าง

กรณีความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ และมาตรา 112 พยานโจทก์ผู้เป็นประจักษ์พยาน เบิกความในทำนองเดียวกันว่า เห็นจำเลยบีบของเหลวสีม่วงใส่ผ้าประดับซุ้มฯ และไฟก็ลุกพรึบขึ้นมา รวมถึงมีภาพและคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานยืนยันว่าจำเลยได้กระทำการดังกล่าวจริง

ตามข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ที่โจทก์นำสืบรับฟังได้ว่า หากของเหลวดังกล่าวเป็นน้ำจริง ไฟจะไม่ลุกไหม้ขึ้นมา ศาลจึงเชื่อว่าของเหลวดังกล่าวเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงหรือวัตถุไวไฟบางชนิด แม้ผลจากกองตรวจพิสูจน์หลักฐานจะไม่ปรากฎว่าผ้าประดับซุ้มฯ มีคราบน้ำมันเชื้อเพลิงหรือวัตถุไวไฟ ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะการส่งตรวจพิสูจน์ล่าช้า ทำให้สารดังกล่าวระเหยออกไปหมด

การที่จำเลยเบิกความว่าต้องการช่วยดับไฟนั้น เป็นการเบิกความลอย ๆ ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ แม้ไฟจะไม่ได้ไหม้ลามไปถึงพระบรมฉายาลักษณ์ แต่การที่จำเลยบีบของเหลวใส่ฐานประดับที่มีไฟลุกไหม้อยู่แล้วนั้น ถือว่าจำเลยได้เล็งเห็นผลของการกระทำแล้วว่าไฟจะลุกลามไปถึงพระบรมฉายาลักษณ์ จึงถือว่าจำเลยเจตนาต้องการเผาพระบรมฉายาลักษณ์

ศาลวินิจฉัยต่อว่า พยานผู้เชี่ยวชาญของโจทก์ยังเบิกความว่าในทรรศนะของสังคมไทย พระบรมฉายาลักษณ์มีค่าเท่าตัวบุคคล มีไว้กราบไหว้และเป็นที่เคารพสักการะ ต้องเก็บรักษาและดูแลไม่ให้เสื่อมเสียเกียรติ ไม่ควรแสดงเสรีภาพที่เป็นปฎิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด

 

พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, มาตรา 217, มาตรา 358 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ลงโทษบทหนักสุด โดยลงโทษจำคุก 3 ปี ในความผิดตามมาตรา 112 และจำคุกอีก 6 เดือน ในฐานความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุกรวม 2 ปี 4 เดือน

หลังฟังคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว ตำรวจศาลได้ใส่กุญแจมือสิทธิโชค และพาลงไปรอที่ห้องเวรชี้ ขณะที่ทนายความยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมขอวางเงินประกันตัวเพิ่มเติมจำนวน 100,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์

อย่างไรก็ตาม เวลา 12.27 น. ศาลอาญามีคำสั่งให้ส่งคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา โดยศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งออกมาในอีก 2-3 วันข้างหน้า ในระหว่างนี้ สิทธิโชคจะถูกนำตัวไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก่อน

 

สำหรับ “สิทธิโชค” เป็นไรเดอร์ประกอบอาชีพส่งอาหาร อายุ 26 ปี เขาต่อสู้คดีนี้ว่าเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ระหว่างทำงานรับส่งอาหาร ได้ผ่านเข้าไปสังเกตการณ์ในการชุมนุมของ #เยาวชนปลดแอก บริเวณถนนราชดำเนินนอก เมื่อพบเห็นเหตุเพลิงไหม้ใต้ฐานซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และตนเองมีประสบการณ์ทำอาสาหน่วยกู้ภัยมาก่อน จึงเข้าไปช่วยดับเพลิงไหม้ดังกล่าว โดยใช้น้ำเปล่าที่ผสมกับน้ำโคล่าสีม่วง ไม่ได้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงแต่อย่างใด โดยตัวเขาเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าบุคคลใดเป็นผู้ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ โดยหลังเกิดเหตุพระบรมฉายาลักษณ์ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด มีเพียงผ้าประดับซุ้มเฉลิมพระเกียรติที่ได้รับความเสียหาย

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง
รมว.วัฒนธรรม เปิดงานรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเลครั้งที่ 14 ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว กระบี่ เร่งส่งเสริมวิถีชีวิต วัฒนธรรมชาวเล
ป้าย สุดเจ๋ง "รับซื้อบ้านผีสิง" เจ้าของป้ายรับซื้อจริง มารีโนเวทขาย
"สุดาวรรณ" เยี่ยมชมชุมชนชาวเลสังกาอู้-วิถีวัฒนธรรมชาวเลอูรักลาโวยจ จ.กระบี่
สจ.ธรรมชาติฟ้องตรงอัจฉริยะเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท
อย.ตรวจพบสารอันตรายใน อาหารเสริม “กัมมี่” แบรนด์ดัง เร่งดำเนินคดีตามกม.ผู้ผลิต
กระบะสี่ประตูถอยชนกระบะแคปในปั้มน้ำมันแล้วหนีไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สาววัย 41 ปี เจ้าของกระบะแคปหวังเพียงคำขอโทษ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น