นับตั้งแต่การเปิดพรมแดนอีกครั้งของจีน ในวันที่ 8 มกราคม มีรายงานว่าชาวจีนจำนวน 9 แสน 9 หมื่น 8 พันคน ได้ยื่นขอใบอนุญาตเดินทางไป ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน เพิ่มขึ้น 147.6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาการใช้มาตรการคุมโควิดเข้มงวด ตามสนามบิน ท่าเรือ และจุดผ่านแดน สามารถพบเห็นนักเดินทางจำนวนมาก สวมกอดกับบุคคลอันเป็นที่รัก ในการได้พบหน้ากันครั้งแรก ในรอบหลายปี
จุดผ่านแดนฝูเถียน ในเซินเจิ้น ซึ่งเป็นด่านที่พลุกพล่านที่สุดระหว่างจีนและฮ่องกง มีคนเข้าออกด่านนี้ เฉลี่ย 2 หมื่น 1 พันคนต่อวัน และสำนักข่าว CNA รายงานว่า พบเห็นนักเดินทางจำนวนมาก ที่จุดผ่านแดนนี้ในวันอาทิตย์ โดยมีประชาชนเข้าและออก อย่างหนาแน่นและต่อเนื่อง
สำหรับทั้งประเทศ มีรายงานการเดินทางเข้าและออกจากจีนราว 4 แสน 9 หมื่นครั้ง ระหว่างวันที่ 8-12 มกราคม หลังจากที่จีนยกเลิกมาตรการกักตัวก่อนเข้าประเทศ และผ่อนปรนข้อจำกัดด้านการเดินทางอื่นๆ เจ้าหน้าที่กล่าวว่าตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 48.9 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงนโยบาย แต่อยู่ที่ร้อยละ 26.2 ของระดับก่อนเกิดโรคระบาดในปี 2019 และจากตัวเลขนี้ มีประชาชน 4 แสน 2 หมื่น 4 พันคน หรือร้อยละ 30.1 ข้ามพรมแดนทางบก เมื่อเทียบกับ 3 ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ทั้งฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่กำลังเพิ่มโควตา ผู้เดินทางข้ามแดนเป็น 1 หมื่น 5 พันคนต่อวัน ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 21 มกราคม ซึ่งเป็นช่วง 4 วันก่อนถึงวันหยุดตรุษจีน เพื่อรับมือกับการเดินทางที่เพิ่มขึ้น
ด้านภาคธุรกิจ และร้านค้าต่างก็ยินดีกับการเปิดพรมแดนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวจำนวนมาก คาดหวังว่าถึงการยกเลิกกฎคุมโควิดทั้งหมด เนื่องจาก ข้อบังคับตรวจโควิดก่อนออกเดินทางภายใน 48 ชั่วโมง และการต้องแสดงเอกสารอื่นๆ ยังคงไม่สะดวก และทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศคาดว่าจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น โดยทางการจีนตั้งเป้าให้เที่ยวบินระหว่างประเทศกลับมาอยู่ที่ร้อยละ 80 ของระดับปกติ ภายในสิ้นปีนี้ แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่กล่าวว่า มีเที่ยวบินระหว่างประเทศเพียง 563 เที่ยวบินในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งคิดเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ของระดับก่อนเกิดโควิด ด้านผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศและการกลับสู่สภาวะปกติจะต้องใช้เวลา แต่ก็มั่นใจว่าจีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้