นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความพร้อมแสดงเอกสารเกี่ยวกับกรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มีพฤติกรรมตบทรัพย์กลุ่มทุนจีนสีเทา ว่า ต้นเหตุ DSI ตบทรัพย์ “จีนเทา” เรื่องเริ่มจาก วันที่ 9 ธันวาคม 2565 สถานกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทย ส่งหนังสือให้อธิบดี DSI ช่วยตรวจสอบ “บ้านพัก” ของกงสุลใหญ่ เพราะเจ้าของบ้านที่ให้เช่า ร้องเรียนมาที่สถานกงสุลว่า “มีรถเข้าออกมาก และเป็นคนจีนเข้าออกถึงตี 3 ตี 4 รบกวนผู้พักอาศัยข้างเคียงเดือดร้อน” สถานกงสุลใหญ่นาอูรูจึงตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบว่าไม่ใช่บ้านกงสุลใหญ่ของนาอูรูจริง แต่กลับเป็นของพวกจีนเทา ดูเอาแล้วกันพวกนี้ทำกันยังไง?
“ชูวิทย์” อัดดีเอสไอ เห็นเงินแล้วตาลุกวาว ฉวยโอกาสตีกินกลุ่มทุนจีนสีเทา
ข่าวที่น่าสนใจ
1. จีนเทาใช้รถตู้ โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน ก-59 1005 กทม. เป็นป้ายสีฟ้า ตัวอักษรสีขาว แต่ความเป็นจริง รถประจำตำแหน่งของกงสุลใหญ่นาอูรู เป็นยี่ห้อ โตโยต้า เอสติมา แอล สีดำ ทะเบียนเดียวกันเป๊ะ พวกจีนเทาปลอมถึงขนาดป้ายทะเบียน แล้วไปแปะบนรถตู้อัลพาร์ดแทน
2. ตราประทับของสถานกงสุลนาอูรูบนสัญญาเช่าบ้าน ตรวจสอบแล้วไม่มีบันทึกรายงานการนำตราประทับไปใช้ จีนเทาทำได้อยู่แล้ว แม้แต่ปลอมตราประทับของสถานกงสุล
3. ลายเซ็นบนสัญญาเช่าบ้าน เป็นการปลอมลายเซ็นของกงสุลใหญ่ที่ย้ายออกจากตำแหน่งไปแล้ว
ดังนั้นต้องทราบว่าสถานกงสุลใหญ่ขอให้อธิบดี DSI ช่วยตรวจสอบบ้านหลังนี้ ว่ามีใครมาสวมรอยเช่า? แต่เจ้าหน้าที่ DSI ชุดปฎิบัติการ ดันทำตัว “นอกคอก” เสียเอง เห็นเงินแล้วตาลุกวาว เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า พวกจีนเทาอ้างไปหมด ปลอมได้ทุกอย่าง และพร้อมยอมจ่ายเต็มที่เพื่อหลุดรอดคดี ท่านอธิบดี DSI จึงไม่ทราบว่า ลับหลังท่าน เจ้าหน้าที่ DSI ไปร่วมมือกับตำรวจ 191 ตีกินเสียอิ่ม โดยที่ท่านไม่รู้เรื่อง เหมือนส่งอ้อยเข้าปากช้างแท้ ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอ ก็มีผลงานเด่นเรื่องการเดินหน้าตรวจสอบ นอท กองสลากพลัส ก่อนจะถูกย้ายฟ้าผ่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง