นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งนิวซีแลนด์ ได้ออกมาประกาศว่า เธอจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งอีก และวาระการเป็นนายกรัฐมนตรีของเธอ จะสิ้นสุดลงไม่เกินวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ส่วนพรรคแรงงานจะลงคะแนนเลือกผู้นำคนใหม่ในวันที่ 22 มกราคมนี้ อย่างไรก็ดี อาร์เดิร์นจะยังคงเป็นสมาชิกรัฐสภาไปจนถึงเดือนเมษายน เพื่อหลีกเลี่ยงการเลือกตั้งซ่อม และในส่วนการเลือกตั้งทั่วไป จะมีขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม ปีนี้ ซึ่งอาร์เดิร์นเชื่อว่า พรรคแรงงานจะชนะในการเลือกตั้งที่จะมาถึงด้วย
อาร์เดิร์นได้ชี้แจงว่า เธอได้มีการพิจารณาถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และได้ข้อสรุปว่า เธอไม่มีศักยภาพเพียงพออีกต่อไป กับการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศต่ออีกวาระ เป็นเวลา 5 ปีครึ่งที่เติมเต็มชีวิตของเธอมากที่สุด แต่ก็มีความท้าทายมากเช่นกัน เธอทำเท่าที่ทำได้ให้นานที่สุด จนกว่าจะถึงเวลา และสำหรับเธอ ได้ถึงเวลาแล้ว เธอได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่มันก็พรากอะไรไปจากเธอมากเช่นกัน เธอไม่ได้ลาออกเพราะงานหนัก แต่เพราะเธอเชื่อว่า มีคนอื่นสามารถทำงานได้ดีกว่า ทั้งนี้ เธอยังไม่ได้วางแผนสำหรับอนาคต นอกจากจะใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น
สำหรับอาร์เดิร์นวัย 42 ปีนั้น เธอกลายเป็นหัวหน้ารัฐบาลหญิงที่อายุน้อยที่สุดในโลก เมื่อเธอได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2017 ซึ่งขณะนั้น เธอมีอายุ 37 ปี การเลือกตั้งครั้งแรกของอาร์เดิร์น สร้างความฮือฮาในเวทีระดับโลก เนื่องจากความที่อายุยังน้อย และยังเป็นผู้หญิง จนทำให้เกิดวลี “จาซินดา มาเนีย” (Jacinda-mania) เธออยู่ในช่วงการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ที่นำไปสู่เศรษฐกิจประเทศถดถอยและค่าครองชีพพุ่งสูง จนทำให้ความนิยมของเธอลดลง อย่างไรก็ดี อาร์เดิร์นก็ยังได้รับการคาดหมายว่า จะลงสมัครเป็นสมัยที่ 3 ในการเลือกตั้งทั่วไปในปีนี้
ขณะเดียวกัน ทางด้านของนายกรัฐมนตรีแอนโทนี่ อัลบานีส แห่งออสเตรเลีย ก็ได้ทวิตถึงการลาออกของอาร์เดิร์นว่า จาซินดา อาร์เดิร์นแสดงให้โลกเห็นถึงวิธีการเป็นผู้นำ ด้วยสติปัญญาและความเข้มแข็ง เธอได้แสดงให้เห็นว่า ความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจที่ลึกซึ้ง เป็นคุณสมบัติของความเป็นผู้นำที่ทรงพลัง เธอเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งสำหรับนิวซีแลนด์, เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนจำนวนมาก, และเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับตน
ด้านนายเบ็น โธมัส นักวิจารณ์การเมือง กล่าวว่า การประกาศของอาร์เดิร์นสร้างความประหลาดใจอย่างมาก เนื่องจากผลสำรวจยังคงจัดอันดับให้เธอเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นที่ต้องการของประเทศ แม้ว่าการสนับสนุนพรรคของเธอจะลดลงบ้างในการเลือกตั้งปี 2020 และขณะนี้ ก็ยังมองไม่เห็นว่าใครจะเป็นผู้มาดำรงตำแหน่งคนต่อไป