วันที่ 3 ส.ค.64 พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.กรมทหารพรานที่ 45 พ.อ.อายุพันธ์ กรรณสูต ผบ.ชค.ปชด.พ.ต.อ.สุธาเวชช์ ธารีไทย ผกก.สภ.ตากใบ นายสังคม เกิดก่อ นายอำเภอตาก เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบ เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนนานำชนิดและใช้ระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ บุกโจมตีที่ตั้งของหน่วยจรยุทธ์ กองร้อยทหารพรานที่ 4514 ช่วยสนับสนุนชุดควบคุมป้องกันชายแดน ในการปฎิษัติหน้าที่เฝ้าระวังการลักลอบข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติ ซึ่งตั้งฐานชั่วคราวที่ริมแม่น้ำสุไหงโก-ลก ช่วงบริเวณบ้านแฆแบะ ม.1 ต.นานาค อ.ตากใบ เหตุเกิดในช่วงเวลา 02.19 น.ของวันที่ 3 ส.ค. 64 ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย
ล่าสุดจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า สายไฟฟ้าส่องสว่างที่เดินสายอยู่บริเวณหน้าที่ตั้งถูกตัดขาด และบริเวณรายรอบที่ตั้งมีร่องรอยคนร้ายขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ จำนวนกว่า 10 ลูก และมีปลอกกระสุนปืนสงครามนานาชนิดทั้ง เอ็ม.16 อา.ก้า.และลูกซอง ตกกระจายเกลื่อนกว่า 50 ปลอก ส่วนเต้นท์ของเจ้าหน้าที่ทหารพราน จำนวน 5 หลัง ที่มีกำลังพลประจำอยู่ 8 นาย ถูกกระสุนปืนของคนร้ายพรุน จนเต้นท์ผ้าใบที่กาง 1 ในจำนวน 5 หลัง ปลิวว่อนเกือบที่จะหลุดออกจากเสาหลักที่ใช้กางไว้ โดยเฉพาะเต้นท์หลังที่ 3 ซึ่งอยู่กลางสุดมีศพของ อส.ทพ.เกียรติขจร นาคดี นอนจมกองเลือดอยู่ในสภาพถูกกระสุนปืนของคนร้ายพรุนไปทั้งร่าง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเมืองตากใบ นำร่าง อส.ทพ. เกียรติขจร นาคดี ส่งโรงพยาบาลตากใบ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวนทราบว่า ในช่วงก่อนเกิดเหตุขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดจรยุทธ์ กองร้อยทหารพรานที่ 4514 กรมทหารพรานที่ 45 จำนวน 8 นาย กำลังแยกย้ายกันปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ได้มีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 15 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือและระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ แยกกำลังออกเป็น 3 ชุด ชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ได้แฝงตัวมากับความมืดโดยลักลอบข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก มาจากฝั่งประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีความกว้างประมาณ 50 เมตร โดยชุดที่ 1 ได้แอบลักลอบตัดกระแสไฟฟ้าส่องสว่างที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ทหาร จากนั้นคนร้ายที่ 2 ได้อาศัยความมืดแฝงตัวโอบล้อมที่ตั้ง พร้อมใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม.16 อาก้า.และไปป์บอมบ์ขวางใส่ที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งเป็นเต้นท์ 5 หลังที่กางไว้ข้างรกป่ารกทึบริมพรมแดน แถมคนร้ายชุดที่ 3 ซึ่งแอบซ่อนตัวท่ามกลางความมืดอยู่ฝั่งประเทศมาเลเซีย ได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม.79 ยิงใส่ที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ทหาร แต่กระสุดพลาดเป้ามาตกที่บริเวณหินกะชุที่นำมาเรียงไว้ริมตลิ่ง แล้วจากนั้นคนร้ายที่ 3 ก็ได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงข้ามฝั่งจากประเทศมาเลเซีย เพื่อมิให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานออกมายิงต่อสู้ จนทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะกันเป็นละลอกๆนานกว่า 15 นาที จ.ส.อ.กฤษฎา แซ่บุ๋น หน.ชุด ได้วิทยุไปยังหน่วยควบคุมป้องกันชายแดน ที่ตั้งฐานอยู่ อ.ตากใบ และรายงานเหตุที่เกิดขึ้นต่อ พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.กรมทหารพรานที่ 45 ให้รับทราบ เพื่อขอกำลังสนับสนุน กลุ่มคนร้ายดูท่าทีว่าไม่สามารถบุกโจมตีที่ตั้งของชุดจรยุทธ์ ที่มีมาตรการตั้งรับที่ดี จึงได้อาศัยความมืดถอนตัวหลบหนีเข้าฝั่งประเทศมาเลเซีย จากนั้น พ.อ.ทวีรตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.กรมทหารพรานที่ 45 ได้ช่วยกันลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เป็นการเร่งด่วน เจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บประกอบด้วย 1. จ.ส.อ.กฤษฎา แซ่บุ๋น ถูกสะเก็ดระเบิดน่องขวาด้านซ้าย 2. อส.ทพ.มานะ เร็วสูงเนิน ถูกอัดแรงของระเบิดไปป์บอมบ์มีอาการแน่นหน้าอก 3.อส.ทพ.วุฒินันนท์ ภารกิจ ถูกสะเก็ดระเบิดตาข้างขวาและหัวไหล่ด้านซ้าย 4. อส.ทพ.วิทวัฒน์ อินทะระนก ได้รับบาดเจ็บนิ้วเท้าด้านขวาขาด ซึ่งล่าสุดทั้ง 4 นาย อาการปลอดภัยแล้ว
ด้าน พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.กรมทหารพรานที่ 45 กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นคนสูญเสียของกำลังพล ที่กลุ่มคนร้ายมักฉวยโอกาสก่อเหตุ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่เจ้าหน้าที่ได้วิสามัญนายรอซาลี หลำโสะ ซึ่งมีหมายจับ ป.วิ อาญา 9 หมายในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ทหารมีมาตรการและแผนตั้งรับในการตอบโต้กลุ่มคนร้าย ที่ตนได้เน้นย้ำไว้เสมอ จนกลุ่มคนร้ายไม่สามารถที่จะโจมตีที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ทหารได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ นอกจากนี้แล้วในช่วงคืนที่ผ่านมาเวลาไล่เลี่ยกัน คนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องที่บรรจุใส่ไว้ในท่อแปปเหล็กทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว ไปผูกติดไว้กับเสาไฟฟ้าริมถนนสายตากใบ สุไหงโก-ลก ช่วงบริเวณบ้านสะหริ่ง ม.1 ต.โฆษิต และได้จุดชนวนจนส่งผลทำให้เสาไฟฟ้าขาด 1 ต้น แต่โชคดีสายไฟฟ้าได้พยุงเสาไฟให้เอียงไปในไหล่ทาง ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อการจราจร และจากการตรวจสอบในช่วงเช้า พบว่า ระเบิดแสวงเครื่องลูกดังกล่าวทำงานสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบพบตัวจุดชนวนระเบิดแต่อย่างใด แต่ทำให้กระแสไฟฟ้าในพื้นที่รอยต่อ อ.ตากใบกับ อ.สุไหงโก-ลก ประชาชนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้เป็นการชั่วคราว ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.ตากใบ จะเร่งซ่อมแซมเพื่อให้กลับมาใช้งานตามปกติ
กรียา เต๊ะตานี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นราธิวาส