นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำทีม “ภูมิใจไทย ภูมิใจกรุงเทพฯ” พรรคภูมิใจไทย เปิดนโยบายดูแลคนกรุงเทพฯ ทุกวัน ทุกเวลา และครอบคลุมทุกวัย เพื่อให้คนกรุงเทพฯภูมิใจ ด้วยนโยบาย 24 ชั่วโมง 7 วัน หรือ “ภูมิใจกรุงเทพฯ 24/7” เพื่อแก้ไขปัญหาให้คนกรุงเทพฯ ตอกย้ำแนวทาง “ภูมิใจไทย พูดแล้วทำ” โดยยึดหลักการ “เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ให้โอกาส” ล่าสุดวันนี้ พบว่ามีการติดป้ายนโยบาย “ภูมิใจกรุงเทพฯ 24/7” ตามจุดต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพมหานครแล้ว เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เปิดนโยบายทีมภูมิใจไทย ภูมิใจกรุงเทพฯ ควบคู่กับป้ายแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยแต่ละเขตด้วย ทั้งนี้ นโยบาย “เพิ่มรายได้” คือ
-การหารายได้เพิ่มได้ 3 กะ เปิดพื้นที่ใหม่ๆ ส่งเสริมกิจกรรมใหม่ๆ เพราะวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ หมุนตลอด 24 ชม. เปิดพื้นที่การค้าขาย ที่ขายได้ตลอดวัน เน้นการสร้างงาน กระจายรายได้ เพิ่มกิจกรรมที่สามารกรองรับนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชม. คล้ายตลาดนัด ที่ได้รับความนิยมที่ประเทศไต้หวัน หรือประเทศเกาหลี และเราต้องจัดระบบดูแลความปลอดภัยทั้งแสงสว่าง กล้องวงจรปิด รวมทั้งระบบการขนส่งเพื่อรองรับ คนทำงานช่วงกลางคืน
-พันธบัตรรัฐบาล (Thai Power Bond) พันธบัตรรัฐบาลที่ประชาชนมีสิทธิซื้อก่อนนิติบุคคล หรือสถาบันการเงินต่างประเทศ เป็นการส่งเสริมการออม และ ประกันเงินฝาก สามารถเพิ่มรายได้จากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และเพิ่มความมั่นคงในการออมเงิน และเศรษฐกิจของประเทศ
“ลดรายจ่าย”
-พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกไม่เกินคนละ 1 ล้านบาท หากเปรียบเทียบกับเงินกู้นอกระบบที่คิดร้อยละ 3 ต่อเดือน ถือได้ว่า สามารถช่วยผู้กู้ประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยตรงนี้ได้ถึง 30,000 บาทต่อเดือน
-One day Pass Ticket ตั๋ววัน ค่าเดินทางที่เป็นต้นทุนของการดำเนินชีวิต หากเราสามารถล็อกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่ให้แพงเกินไป
– รถ เรือ เริ่มต้น 15 บาท ตลอดวัน ไม่เกิน 50 บาท
– รถไฟฟ้า เริ่ม 15 บาท ตลอดสายไม่เกิน 40 บาท
-เครื่องกรองน้ำดื่มทุกชุมชน น้ำดื่มเป็นต้นทุนที่สูงประชาชนส่วนหนึ่งเพื่อมาซื้อน้ำดื่ม จ่ายเงินเพื่อเติมเงิน เพื่อกรองน้ำไปใช้ ส่วนนี้จะต้องไม่เป็นภาระของประชาชนในทุกขุมชนอีกต่อไป
-ค่าไฟที่เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ภูมิใจไทย จะนำนโยบาย ติดโซลาร์ รูฟ ฟรี ทุกครัวเรือน เพื่อให้ประชาชนสามารถนำส่วนนี้มาเป็นการลดภาระของค่าไฟ
-ลดภาษี 2 ทาง ผู้ให้/ผู้รับวัยทำงานต้องไม่เสียภาษีซ้ำซ้อน (ใช้ VAT เพื่อหักภาษีส่วนบุคคลสูงสุด 150,000 บาท/ปี) วัยทำงานที่ต้องเสียภาษีซ้ำซ้อนจะต้องหมดไป และจะได้นำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายส่วนอื่นในการสร้างเนื้อสร้างตัว
– วัยเกษียณที่ยังคงทำงานจะต้องมีนโยบายในการปรับเพดานภาษีเงินได้ เงินส่วนนี้ต้องเสียน้อยที่สุด เพื่อนำเงินส่วนต่างมาเป็นเงินออมเก็บไว้ใช้จ่ายดูแลตัวเอง