วันที่3 ส.ค. 2564 ” พระ ว. วชิรเมธี” หรือ พระเมธีวชิโรดม ว.วชิรเมธี พระอาจารย์นักคิด นักเขียนชื่อดังของไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
ตามรอยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เชื้อโรคไม่รอระบบราชการ ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่สนธรรมเนียมแบบแผนใดๆ ทั้งสิ้น แต่มันลุกลาม แพร่หลาย แตกตัวติดต่อ อย่างรวดเร็วทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมงดังนั้น การรับมือกับมหันตภัยโควิด-19 ชนิดเดลตา พลัส จึงต้องรวดเร็วทันสถานการณ์ในระดับที่ทุกเรื่องต้อง ททท.ทำ-ทัน-ที โดยถือหลักว่า ชีวิตของประชาชนสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
ว่ากันว่าในสมัยรัชกาลที่ ๔ วันหนึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสีกลับจากการไปเทศน์โปรดญาติโยมทางเรือแต่ขากลับเป็นช่วงเวลาน้ำลงเรือจึงเกยตื้นอยู่ในคลองบางกอกน้อยลูกศิษย์จึงลงจากเรือเพื่อเข็นเรือให้พ้นจากการเกยตื้นสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เห็นดังนั้น จึงไม่รอช้า วางพัดยศสมณศักดิ์ชั้นสมเด็จพระราชาคณะไว้ที่หัวเรือถอดจีวร ถกสบง (ที่เรียกว่า ถกเขมร)ลงไปช่วยลูกศิษย์เข็นเรืออย่างจริงจังระหว่างนั้นเองมีชาวบ้านผ่านมาเห็นเข้า จำได้ว่า นั่นคือหลวงพ่อสมเด็จผู้เป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งแผ่นดินจึงตะโกนถามว่า“หลวงพ่อสมเด็จฯทำไมจึงไปเข็นเรือเล่าขอรับไยไม่ปล่อยให้พวกลูกศิษย์มันทำ หลวงพ่อสมเด็จ (โต) ตอบกลับไปว่า สมเด็จวางอยู่หัวเรือโน่น ที่เข็นเรืออยู่นี่เป็นขรัวโตต่างหาก
ปฏิปทาของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พระมหาเถระผู้เป็นมิ่งขวัญของปวงชนในเรื่องนี้ถูกเล่าขานกันมานานด้วยความชื่นชมเพราะท่านไม่ยึดติดกับ “หัวโขน”หรือสมมุติทางสังคมที่สูงส่งท่านรู้ว่า ในยามวิกฤติ ไม่ควรจะ “เรื่องมาก”ไม่ใช่เวลาที่จะถือสาหาความเรื่องหยุมหยิมหรือเจ้ายศเจ้าอย่างไม่ใช่กาละที่จะมัวยึดติดในระเบียบแบบแผนประเพณี หรือระบบระเบียบกฎเกณฑ์ทั้งหลายจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการทำงานเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนอะไรที่จะทำให้วิกฤติคลี่คลายได้ก็ควรจะต้อง ททท.ทำ-ทัน-ที
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์แบบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) จะมีโอกาสเกิดขึ้นกับผู้นำประเทศชาติบ้านเมืองในทุกระทรวงทบวงกรมของประเทศไทยในยุคสมัยของเราบ้าง เพราะขืนมัวแต่ตั้งกรรมการชุดแล้วชุดเล่าขืนมัวแต่คำนึงถึงข้อกฎหมาย ระเบียบราชการโดยไม่สัมพันธ์กับความเร่งด่วนของปัญหาที่กำลังลุกลามบานปลายเหมือนไฟลามทุ่งชีวิตของประชาชนคนไทยอาจต้องมาตกตายมากไปกว่านี้อีกไม่รู้กี่เท่าตัว ว.วชิรเมธี ๓ สิงหาคม ๒๕๖๔