สนง.สลากฯ เร่งยึดคืนหวยปล่อยขายออนไลน์-รายย่อยโอด “นอท” ปั่นราคาพุ่ง

สนง.สลากฯ เร่งยึดคืนหวยปล่อยขายออนไลน์-รายย่อยโอด "นอท" ปั่นราคาพุ่ง

ถือเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ กับรูปแบบการค้าสลากฯผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แต่มีการบวกค่าบริการเพิ่มเข้าไปอีกใบละ 20-25 บาท รวมถึงยังใช้เงินทุนที่มีข้อคำถามมากมาย นำมาจากไหนงวดละกว่าพันล้าน ไปกว้านซื้อมาสต็อกขายภายใต้ชื่อแบรนด์ “กองสลากพลัส” จำนวน 10-14 ล้านใบ เปิดขายให้กับบุคคลทั่วไป โดยเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ไม่สามาระงับยับยั้งการกระทำผิดใด ๆ ได้

ล่าสุด รายงานข่าวจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุว่า สำหรับขั้นตอนการระงับสิทธิ์การเข้าถึงสลากฯของผู้ค้า สำนักงานสลากฯ อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการยกเลิกสัญญา หรือ สิทธิการเป็นผู้ซื้อจอง-ล่วงหน้าฯ เนื่องจากกระบวนการได้มาซึ่งสลากฯแล้วนำไปขายต่อให้กับบริษัทเอกชนรายหนึ่งรายใด เป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามสัญญาและหลักเกณฑ์ในการรับสลากฯไปจำหน่าย ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องขายสลากฯด้วยตนเอง และไม่ขายสลากฯเกินราคาที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย คือ 80 บาท รวมถึงไม่นำสลากฯของตนไปขายให้แก่ผู้อื่นเพื่อนำไปรวมชุด หรือแลกเปลี่ยนสลากฯกับผู้อื่น

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯ เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2566 เห็นชอบแนวทางการเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัล ผ่านแอพพลิเคชันเป๋าตัง ในปี 2566 เป็น 30 ล้านใบ / ปี 2567 ขยับเป็น 40 ล้านใบ และปี 2568 มีตัวเลขสูงสุด 50 ล้านใบ แต่กระบวนการเหล่านั้นอาจเร็วขึ้นได้ หากผู้มีโควตาขอเข้ามาขายสลากดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น และรูปแบบการขายสลากฯผ่านออนไลน์ของสำนักงานสลากฯได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากผู้ซื้อ โดยช่วงที่ผ่านมามีผู้ให้ความสนใจมากขึ้น เพราะได้ราคาขายที่เป็นธรรม และจากประชาสัมพันธ์การถูกรางวัลสลากดิจิทัล

ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่าวิธีการเพิ่มสลากดิจิทัลของสำนักงานสลากฯ จะมาจากการตัดโควตา ผู้ค้าสลากที่ไม่ทำตามสัญญา แล้วนำสลากฯจำนวนดังกล่าว เข้าสู่ระบบการขายแพลทฟอร์มดิจิทัล รวมถึงสำนักงานฯ จะกำหนดกติกาใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2566 โดยให้ผู้ที่มีสิทธิ์ซื้อ-จอง ลดจำนวนลงจาก 5 เล่มเหลือ 3 เล่ม เพื่อให้เพียงพอต่อผู้ที่มากดซื้อ-จอง ครอบคลุมมากขึ้น แต่ถ้าหากเห็นว่า 3 เล่มไม่เพียงพอ ผู้มีสิทธิ์สามารถเข้าร่วมระบบสมัครใจขายสลากดิจิทัล จะได้ 5 เล่ม เหมือนเดิม เป็นต้น ซึ่งเป็นแนวทางการแก้ปัญหาสลากเกินราคาเบื้องต้น

 

ข่าวที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า การทยอยเพิ่มจำนวนสลากฯเข้าแอปเป๋าตัง แทนนำเข้าหมดทั้ง 100 ล้านใบ จะเป็นไปในลักษณะให้ผู้ค้าค่อยๆ ปรับตัว เพราะบางกลุ่มลูกค้ายังคุ้นชินกับการขายแบบใบสลากฯ

ขณะเดียวกันกับแนวทางการแก้ปัญหาของสำนักงานสลากฯ และ การดำเนินการกับผู้กระทำผิด เรื่อง การขายสลากฯเกินราคา ทีมข่าว TOPNEWS ได้ลงพื้นที่วัดหัวลำโพง -อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ – ตลาดห้วยขวาง เพื่อสอบถามความคิดเห็นของพ่อค้า -แม่ค้าขายสลากฯ

ส่วนใหญ่ระบุว่า ปัญหาการขายสลากฯเกินราคา สาเหตุมาจากการขายสลากฯต่อๆ กันมา โดยผู้ค้าที่มีเงินก็จะมีการไปรับซื้อ หรือกว้านซื้อสลาก จากแยกคอวัว วังสะพุง หรือ แม้แต่สนามบินน้ำ เพื่อมาปล่อยต่อให้กับผู้ค้าสลากฯที่ไม่ได้รับโควตา หรือ กลุ่มคนที่ต้องการขายสลากฯ โดยจะมีการบวกกำไรเพิ่ม หรือ เป็นประเภทกลุ่มผู้ได้รับโควตา ที่ไม่ได้ขายสลากเป็นอาชีพ แล้วนำสลากฯที่ได้รับจัดสรรมาไปขายให้กับยี่ปั๊ว

และล่าสุด คือ ผู้ค้าสลากที่เป็นเเพลทฟอร์มออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันทำตัวเป็นยี่ปั๊วมากว้านซื้อสลากฯเพื่อนำไปขายต่อในแพลทฟอร์ม จนทำให้ต้นทุนราคาสลากฯเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 95-98 บาทต่อใบไปโดยปริยาย ส่งผลให้ผู้ค้ารายย่อยต้องปรับราคาเกินกว่า 80 บาท ตามกฎหมาย โดยการบวกเพิ่มค่าใช้จ่ายรวมกับราคาสลากฯที่รับต่อมาอีกทอดจึงจะพออยู่ได้ในแง่ของการค้าขาย

พร้อมยอมรับว่า การที่เจ้าของเเพลทฟอร์มออนไลน์อย่าง “กองสลากพลัส” ส่งคนไปกว้านซื้อสลากฯ มีส่วนสำคัญทำให้ราคาสลากฯปรับตัวสูงขึ้น เพราะเมื่อในตลาดไม่มีสลากฯให้ผู้ค้ารายย่อยซื้อนำไปขาย มูลค่าสลากฯก็จะมีตัวเลขเพิ่มสูง ตามความต้องการจัดหาสลากฯมาขายให้ได้ ซึ่งในส่วนผู้ค้ารายย่อยเองก็จำใจต้องซื้อมาขายต่อในราคาแพง แม้รู้ว่าจะเป็นการกระทำผิดกฎหมายก็ตาม

 

ขณะเดียวกัน มองว่า ในการแก้ปัญหาสลากแพง ทั้ง รัฐบาล กระทรวงการคลัง สำนักงานสลากฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรจะมีการล้างกระดานและให้มีการจัดสรรสลากใหม่ให้ผู้ค้ารายย่อยได้เข้าถึงสลากฯมากขึ้น และเห็นด้วยที่สำนักงานสลากฯ จะมีการตัดโควตาผู้ค้าสลากที่นำสลากไปขายต่อให้แพลตฟอร์มออนไลน์ และให้นำสลากฯ เหล่านั้น กลับมาจัดสรรให้ผู้ค้าสลากฯรายย่อยแต่ไม่ใช่นำไปจัดสรรให้นอมินี เพราะที่ผ่านมาการจัดสรร โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดค่อนข้างเข้าถึงยาก และการจองซื้อในแต่ละรอบค่อนข้างเต็มเร็วจนผิดปกติ

“การที่มีสลากดิจิทัลออกมาเป็นแพลทฟอร์มออนไลน์ออกมาหลายเจ้า ส่งผลกระทบต่อการขายสลากใบ เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องขายในราคาแพงมากขึ้น แต่ถ้าสำนักงานสลากฯ ทำให้แพลทฟอร์มพวกนี้หายไปได้ สลากฯ ก็จะกลับมาสู่พ่อค้าแม่ค้าที่ขายจริงๆ คนไหนที่เค้าไม่ขายจริง ไปส่งแพลทฟอร์ม ถ้ายึดกลับมาได้และกระจายให้คนที่ขายจริง ราคาก็น่าจะถูกลง ผู้ซื้อก็จะซื้อสลากฯ ที่ราคาถูกลงด้วย” ผู้ค้าสลากรายหนึ่ง กล่าว

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"อดีตสว.สมชาย" ชี้ฝ่ายอนุรักษ์เดินหมากผิด เปิดโอกาส"ระบอบทักษิณ"ฟื้นชีพรอบวกส้ม
ม่วนกรุ๊ป เริ่มแล้ว เทศกาลตีคลีไฟชัยภูมิ หนึ่งเดียวในโลก 1 ครั้งในรอบปี สุดคึกคัก
ชาวเวียดนามในโฮจิมินห์ดีใจมีรถไฟใต้ดินใช้แล้ว
ผู้นำสูงสุดปัดอิหร่านไม่มีกองกำลังตัวแทน
ฮูตีเคลมผลงาน F/A-18 โดนสอยร่วงทะเลแดง
สื่อทำเนียบฯ จัดเต็มฉายาครม.ปี 67 "รัฐบาล (พ่อ) เลี้ยง" นายกฯท่องโพย วาทะแห่งปี "สามีคนใต้"
“ว้าแดง”เหิมหนัก! สั่งคนไทยห้ามเก็บของป่า ชาวบ้านผวา-ซ้อมอพยพถี่ยิบ
เมีย-แม่ยาย หอบเงินล้าน บุกติดสินบนตำรวจ ช่วยผัวค้าเฮโรอีน สุดท้ายถูกซ้อนแผนโดนรวบตัว
ไทยตอนบนอากาศยังหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศา ใต้เจอฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กทม. มีหมอกบางตอนเช้า ร้อนสุด 31 องศา
ฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทองน้องอร “ฉายาสู้โวย” ร่วมแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ในงานกีฬาประจำปีอบต.ไทยสามัคคี พร้อมลงแข่งขันตีกอล์ฟบก สร้างความสนุกสนานเฮฮา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น