มอง “ตะวัน-แบม” ผ่านขบวนการปั่นกระแสล้มม.112

ส่อง "ตะวัน-แบม" สองนักกิจกรรมอดอาหารหวังพลีชีพ เพื่ออุดมการณ์ที่ไม่มีทางไปถึงผ่านกระบวนการจากปั่นกระแสที่ออกแบบหวังจุดประกายล้มมาตรา 112 ให้ได้ ย้อนถามจุดยืนเพื่อไทยผ่านแมสเซส "ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ" เรียกร้องปล่อยผู้ต้องขัง

นับตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 หลังจากกลุ่มคณะราษฎรล้มล้างการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย จากวันนั้นเวลาผ่านไปกว่า 85 ปี แต่วงล้อการเมืองไทยยังเต็มไปด้วยภาพความขัดแย้งเวียนมาไม่รู้จบ ซึ่งความเห็นต่างไม่ใช่เรื่องผิดถูก และประเทศไทยผ่านเหตุการณ์เสียเลือดเสียเนื้อมาหลายครั้งหลายครา แต่ไม่เคยมีคราวใดที่สถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยจะถูกกลุ่มเยาวชนที่เรียกตัวเองว่า “สามนิ้ว” และ “ผู้ชักใย” จาบจ้วงได้เท่าทุกวันนี้

ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีความพยายามของกลุ่มสาวนิ้วเดินเกมด้วยการปลุกม็อบลงถนนโดยหวังจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขณะเดียวกันในทางการเมืองเป็นหน้าที่ของพรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคก้าวไกลปัจจุบันเดินเกมในสภาเพื่อไปให้ถึงจุดหมายสุดแสนวิปลาส แม้ช่วงนึงพลังของพวกสามนิ้วแผ่ขยายออกไปจนน่าวิตกกังวัล แต่เมื่อเวลาผ่านไปแนวร่วมที่เคยมีหลักหมื่นหลักแสนกับร่อยหรอเมื่อบรรดาน้อง ๆ หนู ๆ รู้ว่า “ถูกหลอกใช้”

การปลุกผีเพื่อทำให้สถาบันสั่นคลอนเกิดขึ้นมาตลอด แต่ความพยายามดังกล่าวเกิดขึ้นมาอีกครั้งด้วยการใช้กระบวนการปั่นกระแสผ่านทาง “สาวก” สองสาวนักกิจกรรม น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ “ตะวัน” และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ “แบม” ผู้ต้องหาคดี 112 ที่ประกาศจุดยืนถอนประกันตนเองก่อนยื่น 3 ข้อเรียกร้อง 1. ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 2. ปล่อยผู้ต้องหาคดีการเมือง และ 3. ยกเลิก ม.112 และ ม.116 จากนั้นได้ประกาศอดน้ำและข้าวจนกว่าทุกข้อเสนอจะได้รับการปฏิบัติตาม

ถึงขณะนี้ “ตะวัน” และ “แบม” อดอาหารอยู่ในเรือนจำเป็นเวลานานถึง 5 วัน ในทางการแพทย์ถือว่า อันตรายยิ่งนัก เพราะจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขระบุไว้ว่า ปกติร่างกายของคนทั่วไปจะทนต่อภาวะขาดอาหารได้ 30 – 60 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล แต่ในทางกลับกันร่างกายคนปกติทั่วไปจะทนต่อภาวะขาดน้ำได้เพียง 3-7 วัน หรือไม่เกิน 1 สัปดาห์เท่านั้น

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้การอดอาหารของสองสาวนักกิจกรรมถูกปลุกกระแสให้เกิดภาพของ “วีรสตรีนักต่อสู้” เพื่อให้ผู้ร่วมอุดมการณ์รับรู้ถึงสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยรูปแบบการเคลื่อนไหวจะมีบรรดาแนวร่วมสามนิ้วคอยอัปเดตอาการผ่านทางโซเชียลว่า ตะวัน และแบม ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ถึงขนาดล้มหมอนนอนเสื่อหมดสติ ก่อนจะปลุกแนวร่วมให้ออกมาร่วมต่อสู้โดยสอดประสานไปกับการจัดกิจกรรมยืนหยุดขัง 112 นาทีที่หอศิลป์วัฒนธรรม แต่น่าเสียดายยิ่งนักเมื่อยืนหยุดขังไม่สามารถจุดกระแสต่อเติมเชื้อไฟได้อย่างที่หวัง ฝูงชนบางตาไม่ถึงครึ่งร้อย

ร้อนถึงศาสดาใหญ่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช  และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.พรรคก้าวไกลต้องเดินทางมาร่วมอีเวนท์ยืนหยุดขังในช่วงเย็นวันที่ 24 มกราคม เพื่อหวังจะกระเตื้องกระแสที่แผ่วลงไปทุกวัน

นอกจากนี้ยังมีความพยายามเดินเกมสอดประสานจากสาวกอย่างนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ดาวดิน พร้อมกลุ่มทะลุฟ้า ทะลุวัง ทะลุแก๊ส ออกมานำมวลชน โดยมีนายอานนท์ นำภา ทนายความนักเคลื่อนไหว ใช้โซเชียลปั่นกระแสเพื่อบ่งบอกถึงวีรกรรมการเสียสละของตะวัน และแบม ตามด้วยการโฆษณาชวนเชื่อโดยชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงตาม 3 ข้อเรียกร้อง

ไม่เว้นแม้แต่นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ผมขอเสนอข้อเรียกร้องที่ทำได้ทันที ระงับสถานการณ์ที่อาจบานปลายได้ทันเวลา คือปล่อยทั้ง 2 คนและเพื่อนๆ ที่ติดคุกอยู่ออกมาเสียก่อน….. เด็กๆ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ข้อนี้ผมไม่ปฏิเสธ แต่เด็กพวกนี้ไม่ใช่อาชญากร ผมเชื่อเช่นนั้น ปล่อยเด็กออกจากคุกเถอะครับ”

การแสดงความคิดเห็นของนายณัฐวุฒิมีประเด็นต้องถามกลับไปถึงผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยว่า เห็นด้วยกับสิ่งที่นายณัฐวุฒิ เจื้อยแจ้วหรือไม่ และถ้าเห็นด้วยเพื่อไทยจะจับมือร่วมกับพรรคก้าวไกลเสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 หรือไม่ ตรงนี้เพื่อไทยต้องตอบให้ชัด อย่าเล่นการเมืองแบบตีกินสองฝั่ง เพื่อหวังจะแบ่งแต้มจากเยาวชนกลุ่มสาวนิ้วในการเลือกตั้งที่จะมาถึง

ถึงตรงนี้คงต้องมองให้ทะลุถึงพฤติกรรมของตะวันและแบม ว่าการพลีชีพ อดน้ำ อดข้าว มีวัตถุประสงค์ไปเพื่ออะไร กระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้งจริงหรือไม่ เพราะ 1.ตะวัน และแบมต้องไม่ลืมว่าตนเองเป็นผู้ต้องหาในคดี ม.112 เนื่องจากพฤติกรรมความผิดชัดเจน ดังนั้นในทางกฎหมายถือว่าทั้งคู่คือผู้กระทำความผิด จึงต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ใครถูกผิดต้องว่าตามหลักฐานที่ต้องนำมาหักล้างกันในชั้นศาล ดังนั้นเมื่อตะวัน และแบม ทำผิดจะมาอ้างว่าถูกรังแกคงเป็นไปไม่ได้

 

2.ระหว่างพิจารณาคดีผู้ต้องหามีสิทธิยื่นขอประกันตัว ซึ่งทั้งตะวันและแบม หรือแม้กระทั่งผู้ต้องหารายอื่น ๆ ต่างได้รับสิทธิตามหลักสากล เพราะศาลใช้ดุลพินิจด้วยหลักนิติธรรม แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาผู้ต้องหาหลายคนเช่นนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง กลับกระทำผิดซ้ำซากไม่ทำตามข้อตกลงที่ศาลกำหนด เมื่อศาลปราณีให้ประกันตัวซ้ำแทนที่จะสำนึก คนกลุ่มนี้กลับย่ามใจถึงขนาดเคยกล้าอวดประโคมว่า “ศาลคือพวกเรา”

ขณะเดียวกันหากไม่ได้รับการประกันตัวก็จะออกมาตีโพยตีพายวิจารณ์ระบบกระบวนการยุติธรรมกับมาตรา 112 อย่างสาดเสียเทเสียโดยไม่เคยย้อนดูพฤติกรรมตนเองว่าต่ำตมเพียงใด

สุดท้ายข้อ 3.การที่ตะวันและแบมยื่นถอนประกันตนเองเพราะต้องการจุดประเด็นการเมืองโดยหวังจะปลุกผีสามนิ้วเพื่อล้มมาตรา 112 ใช่หรือไม่ เพราะตะวัน แบม ย่อมทราบดีว่า การยื่นถอนประกันย่อมส่งผลให้ทั้งคู่ต้องเดินเข้าเรือนจำทันที ศาลไม่มีสิทธิไปห้ามปราม หรือยับยั้ง

ดังนั้นการกระทำดังกล่าวภาษากฎหมายเรียกกันว่า เป็นการกระทำที่เล็งเห็นต่อเป้าประสงค์ดังที่ตะวัน แบม และผู้อยู่เบื้องหลังต้องการออกแบบให้สถานการณ์มันเป็นไปอย่างที่ต้องการเสมอมา…..?

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"รมว.ปุ๋ง" นำทีมให้กำลังใจ-สนับสนุน 200 ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ชุมชนไทย งาน "มหกรรมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สู่สากลและการเจรจาธุรกิจ"
วธ. โดยกรมการศาสนา จัดพิธีบวงสรวงเทพยดา เนื่องในงานใต้ร่มพระบารมี 243 ปี กรุงรัตนโกสินทร์
“ไทย – มอญเกาะเกร็ด” ร่วมสืบสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น
นาทีชีวิต! ทอ. ส่งอากาศยานช่วยผู้ป่วยฉุกเฉิน รับการรักษาด่วน ถึงมือหมออย่างปลอดภัย
"ธรรมนัส" นำทีมกล้าธรรม ช่วย "ก้องเกียรติ" หาเสียงเลือกตั้งซ่อมสส.นครศรีฯ มั่นใจคุณภาพ พูดคำไหนคำนั้น
จนท.นำร่างผู้สูญหายใต้ตึก สตง.ถล่ม ออกมาได้อีก 1 ราย พร้อมส่งตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์
คนมท.แห่ชื่นชม "อนุทิน-กรมการปกครอง" จัดสอบนายอำเภอโปร่งใส สยบลือเด็กฝาก-ใช้ตั๋วเงิน
เกาหลีใต้เตรียมเจรจาภาษีทรัมป์กับสหรัฐสัปดาห์นี้
"กัน จอมพลัง" อัปเดตอาการล่าสุด "ลุง-ป้า" ยังน่าห่วง ยอมถอยคนละก้าว ให้ "พีช" จ่ายเยียวยา เร่งคุยหาทางออก
‘เต้ มงคลกิตติ์ ’ เตือน ‘กัน จอมพลัง’ ถอยเพื่อรักษาชีวิต จำบทเรียนทนายตั้มไว้เป็นตัวอย่าง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น