ชาวระยอง 800 กว่ารายเดินหน้า "ฟ้องร้อง" SPRC และ PTTGC ทำน้ำมันรั่วลงสู่ทะเล พร้อมยื่นฟ้องศาลปกครอง เหตุหน่วยงานรัฐการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า
ข่าวที่น่าสนใจ
จากเหตุท่อน้ำมันดิบใต้ทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) รั่วไหลปริมาณมหาศาลลงสู่ทะเล เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ล่าสุด ชาวบ้าน ชาวประมง และผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดระยอง กว่า 837 ราย เดินหน้า “ฟ้องร้อง” SPRC และ PTTGC คดีต่อศาลจังหวัดระยองให้ฟื้นฟูทะเลระยองจากเหตุน้ำมันรั่ว พร้อมเดินหน้ายื่นฟ้องศาลปกครอง เหตุหน่วยงานรัฐละเลยการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า ในการบริหารจัดการเหตุน้ำมันรั่วที่ระยอง ปี 65 เป็นเหตุให้ทะเลระยองเกิดความเสียหายเกินสมควร ยากต่อการเยียวยา
โดยเมื่อวันที่ 25 มกราคมผ่านมา เพจกฎหมายชื่อดังอย่าง Rising Sun Law เผยว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคที่ผ่านมา ชาวประมง ชาวบ้าน และผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยว รวม 832 ราย ร่วมกับสมาคมประมงพื้นบ้านท้องถิ่นระยอง พร้อมทีมทนายความจาก Rising Sun Law ได้ “ฟ้องร้อง”
- บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) SPRC เป็นจำเลยที่ 1
- บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTGC เป็นจำเลยที่ 2
จากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเลระยองต่อเนื่องกว่า 400,000 ลิตร จากจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SINGLE POINT MOORING SYSTEM) เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 โดยมีรายละเอียดคำฟ้องโดยสรุป คือ
SPRC และ PTTGC จำเลยทั้งสอง เป็นผู้ได้รับอนุญาตจากรัฐให้ประกอบกิจการโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ในการทำกิจการจะต้องขนถ่ายน้ำมันดิบจากทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล เพื่อทำหน้าที่ลำเลียงขนส่งน้ำมันดิบที่ขนส่งมาโดยเรือบรรทุกน้ำมันผ่านระบบทุ่นรับน้ำมันและระบบท่อขนส่งน้ำมันเข้าสู่คลังเก็บน้ำมันของ SPRC และ PTTGC
ซึ่งทั้งสองเป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมัน เครื่องจักรบางส่วน และทุ่นรับน้ำมันร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของทุ่นรับน้ำมันเป็นการลงทุนร่วมกันฝ่ายละครึ่งหนึ่งและมีข้อตกลงในเรื่องของการผลัดเปลี่ยนกันเป็นผู้บริหารกิจการร่วมกันดังกล่าวนี้ฝ่ายละ 5 ปี ดังนั้น ในฐานะของเจ้าของร่วมในทุ่นรับน้ำมันและอุปกรณ์เครื่องจักรที่ใช้ในการลำเลียงขนส่งน้ำมันดิบ SPRC และ PTTGC จึงมีหน้าที่ที่จะต้องร่วมรับผิดชอบ ดูแล บำรุงรักษา ทุ่นรับน้ำมันและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น
- ระบบท่อและวาล์วควบคุมน้ำมันให้อยู่ในสภาพดี
- ป้องกันไม่ให้ชำรุดหรือเกิดความบกพร่องจนอาจเกิดการรั่วไหลหรือแพร่กระจายของน้ำมันดิบปนเปื้อนออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก
- โดยจะต้องใช้ความระมัดระวังดูแลให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ ระเบียบ และมาตรฐานของคณะกรรมการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน (กปน.) ข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับมาตรฐานของการขนส่งน้ำมันทางทะเล
- ตลอดจนเป็นไปตามข้อกำหนดของรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
กรณีน้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเลระยองเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ได้ก่อให้เกิดความเสียหายด้วยความประมาทเลินเล่อปราศจากความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์จนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อระบบนิเวศและทรัพยากรทางทะเล โจทก์ทั้ง 832 ราย จึงยื่นฟ้องต่อศาลขอให้ SPRC และ PTTGC รับผิดชอบใน 3 ประเด็น ดังนี้
1. ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันแก้ไขฟื้นฟูทรัพยากรและสภาพแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่งที่ได้รับความเสียหายจากมลพิษของคราบน้ำมันดิบและสารเคมี
- ด้วยการเก็บกู้ตะกอนสารพิษที่เกิดจากการรวมตัวของน้ำมันดิบและสารเคมีที่ตกค้างในบริเวณที่เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลและบริเวณใกล้เคียง ตลอดแนวชายหาดและป่าชายเลน
- รวมทั้งที่ตกค้างสะสมอยู่ในจุดที่เป็นแหล่งอาศัย แหล่งแพร่พันธุ์ของสัตว์น้ำ ด้วยกระบวนการหารือและกำกับดูร่วมกันระหว่างโจทก์ จำเลย และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
2. ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนมูลค่าความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่งในจำนวนเงิน 5,000 ล้านบาท
- เพื่อมอบให้หน่วยงานราชการที่มีหน้าที่กำจัดมลพิษ และฟื้นฟูความสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลร่วมกับโจทก์ และชุมชนประมงชายฝั่ง
- เพื่อจัดตั้งเป็น กองทุนฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อ่าวระยอง เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชุมชนประมงชายฝั่งอ่าวระยอง ที่มีโจทก์ จำเลยทั้งสอง และหน่วยงานราชการร่วมกันบริหารจัดการ ทำการฟื้นฟูทะเล จนกว่าระบบนิเวศทางทะเลจะกลับมาให้บริการทางอาหารและการนันทนาการได้ในภาวะปกติก่อนเกิดเหตุน้ำมันรั่วในปี 2556
3. ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหล
- ให้แก่โจทก์ที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่ต้องขาดโอกาสในการประกอบอาชีพ รวม 246,343,799 บาท
โดยเมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดระยองได้มีคำสั่งรับฟ้อง และเนื่องจาก การยื่นฟ้องในคดีนี้มีการเรียกค่าสินไหมทดแทนจึงถือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์ที่ฟ้องคดีจะต้องวางเงินค่าธรรมเนียมศาลต่อศาล โดยในคดีนี้โจทก์ได้มีการยื่นคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลต่อศาลด้วย แต่ศาลได้มีคำสั่งยกร้อง ไม่อนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล ขั้นตอนภายหลังจากนี้ คือ
- นัดไกล่เกลี่ยในวันที่ 14 มีนาคม 2566 เวลา 09.00 น.
- และนัดสืบพยานในวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 เวลา 09.00 น.
ข้อมูล : Rising Sun Law
ข่าวที่เกี่ยวข้อง