กรมอุทยานแห่งชาติฯ เร่งแก้ปม เกาะ "หลีเป๊ะ" ยืนยัน หากพบนายทุนรุกพื้นที่ พร้อมดำเนินคดีทุกราย ไม่มีข้อยกเว้น
ข่าวที่น่าสนใจ
เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 นายนรินทร์ ประทวนชัย รองอธิบดี โฆษกกรมกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยถึงกรณีการแก้ปัญหาข้อพิพาทที่ดินทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ของชาวอุรักลาโว๊ย บนเกาะ “หลีเป๊ะ” เสนอแนวทางทำแผนที่แนวเขตที่ดินในรูปของคณะกรรมการ
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2566 มีการประชุมหารือประเด็นปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน เกิดข้อพิพาทและฟ้องร้องสิทธิการครอบครอง ระหว่างชาวเลอูรักลาโว๊ย เกาะหลี เป๊ะกับผู้ประกอบการ คณะกรรมการฯ กรมที่ดินได้ชี้ยืนยันแนวเขต หนังสือแสดงสิทธิการครอบครองที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 11 ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ การครอบครองดินส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรีสอร์ท มีหนังสือแสดงสิทธิการครอบครองที่ดิน น.ส.3 และ ส.ค.1 โดยมีชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ น.ส.3 เลขที่ 11 ด้วย
จากการตรวจสอบพื้นที่ พบว่า ตามเอกสาร น.ส.3 เลขที่ 11 พื้นที่จำนวน 81 – 3 – 40 ไร่ พื้นที่บางส่วนได้ซ้อนทับกับที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวเลดั้งเดิม และมีบางส่วนของชุมชนอยู่นอกพื้นที่ น.ส.3 เลขที่ 11 แนวทางการแก้ไขปัญหาจึงต้องตรวจสอบที่ดินตามหลักฐานเอกสาร น.ส.3 ส.ค.1 พร้อมที่ตั้งของที่อยู่อาศัยของราษฎรชาวเล และทำแผนที่แนวเขตที่ดินในรูปของคณะกรรมการฯ
ส่วนกรณีนายทุนที่มีการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ทางอุทยานฯ ได้ดำเนินคดีพื้นที่บริเวณเกาะหลี เป๊ะ มาตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน รวม 44 คดี
- โดยมีคดีสิ้นสุดแล้ว 22 คดี
- อยู่ในชั้นอัยการ 18 คดี
- ชั้นศาล 4 คดี
การแก้ไขปัญหาที่ดินซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินของราษฎรดั้งเดิมในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ได้ดำเนินการสำรวจการครอบครองพื้นที่ตามแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์ (ตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562)
ล่าสุด จากการตรวจสอบ เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา กรมที่ดินได้ชี้ยืนยันแนวเขต น.ส.3 เลขที่ 11 ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ พบว่า มีรีสอร์ท เข้าทำประโยชน์นอกพื้นที่ น.ส.3 เลขที่ 11 จำนวน 2 แห่ง นอกจากนี้ ได้ดำเนินการตรวจยึดสระน้ำของรีสอร์ทที่มีการก่อสร้างเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง จากที่ได้ดำเนินคดีไปแล้ว รวม 3 คดี พื้นที่ 5 ไร่ 1 งาน 46.8 ตารางวา
ส่วนชุมชนชาวเลที่อาศัยอยู่นอกพื้นที่ น.ส.3 เลขที่ 11 นั้น ให้กรมอุทยานฯ ดำเนินการสำรวจตามมาตรา 64 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 แต่หากพบว่าเป็นนายทุนครอบครองทางกรมจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับแปลงคดีอาญาที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว กรมบังคับคดีจะลงพื้นที่ร่วมกับกรมอุทยานฯ บังคับคดีเพื่อรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามคำสั่งศาลต่อไป และคณะกรรมการฯ ให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ รวบรวมเอกสารเกี่ยวกับคดี/คำพิพากษา และข้อมูลที่เกี่ยวข้องส่งให้ DSI เพื่อดำเนินการยกเลิก
เพิกถอนเอกสารแปลง ส.ค.1 และ น.ส.3 ที่ออกโดยมิชอบโดยการสืบสวนของDSI ด้วย โดยทางกรมได้ขอความร่วมมือผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเกาะหลี เป๊ะ ให้สำรวจจำนวนโรงแรมที่ตั้งบนเกาะ “หลีเป๊ะ” ทุกรายที่มีการดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่
อย่างไรก็ตามจากผลการแปลภาพถ่ายโดย DSI พบว่าแปลงที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 11 มีพื้นที่บางส่วนไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์นั้น ทางกรมจะนำหลักฐานทั้งหมดมาพิจารณาดำเนินการแจ้งความในส่วนที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของการกระทำผิดการจับสัตว์น้ำในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ทางกรมจะพิจารณาดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง