เปิดใจ “ถาวร เสนเนียม” ขุนพลไทยภักดี ชูนโยบาย 3 ป. เดินหน้าการเมืองสุจริต

เปิดใจ "ถาวร เสนเนียม" ขุนพลไทยภักดี ชูนโยบาย 3 ป. เดินหน้าการเมืองสุจริต

ถือเป็นนักการเมืองน้ำดี ที่ไม่เพียงมีเกียรติประวัติ ถูกยอมรับมาตลอดชีวิตเส้นทางการเมือง แต่บทบาท และผลงานการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ปี 2538 ทำให้ชื่อของ “ถาวร เสนเนียม” ถูกพูดถึงทุกครั้ง เมื่อมีการเคลื่อนไหว

ล่าสุด “ถาวร เสนเนียม” ในฐานะ ประธานพรรคไทยภักดี เปิดใจผ่านรายการ TOP NEWS TALK ทางช่อง TOP NEWS โดยมี นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยเริ่มต้นจากการอธิบายถึง นโยบาย 3 ด้าน หรือ “3 ป. “ ว่า เป็นเป้าหมายในการที่พรรคไทยภักดี จะเดินหน้าสร้างสรรค์การเมืองไทย ให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ไปสู่การสร้างผู้แทนฯให้เดินหน้า ทุ่มเท การทำงานเพื่อประโยชน์ประชาชนอย่างเต็มที่ ไม่ใช่รูปแบบนักการเมืองเช่นในยุคอดีต

“นโยบาย 3 ป. ที่กล่าวถึง ประกอบด้วย ป.ที่ 1 ปฏิรูปประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ ลดความยากจนแก้ไขปัญหาที่เขียนไว้ในยุทธศาสตร์ชาติและรวมถึงที่ กปปส. หรือมวลมหาประชาชนเรียกร้อง ก่อนที่จะปฏิวัติ จริงๆแล้วคณะปฏิรูปประเทศเขาเขียนเอาไว้ ซึ่งทุกคน ทุกพรรค เมื่อได้เป็นรัฐบาล จะต้องเดินตามแนวยุทธศาสตร์ชาตินี้

ป.ที่ 2 ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างเช่นเมื่อไม่กี่วันมานี้ เราทำหนังสือเป็นคำยื่นร้องต่อท่านประธานรัฐสภา ว่าจะแก้ไขมาตรา 112 ให้มีการคุ้มครองพระบรมวงศ์ ให้มากขึ้น ขยายให้กว้างขึ้น รวมถึงลงโทษผู้ที่กระทำความผิด ม.112 ให้หนักขึ้น

ป.ที่ 3 ป้องกันปราบปรามการทุจริต เช่นเมื่อไม่กี่วันมานี้ มี การจับเงินที่มีการพูดกันว่า ส่อทุจริตในการซื้อขายตำแหน่ง 4,800,000 บาท ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นี่มีการแจ้งข้อกล่าวหาและส่อมีการทุจริต เรื่องอื่นๆก็มีมาก ไม่เว้นแต่ละวัน ตนนั้นเจอกับท่านรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาทุจริตท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า ถ้ามีการทำงานของ ปปช. ปปท. และ สตง. ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น คดีทุจริตจะมากกว่าความผิดที่เกี่ยวกับทรัพย์ ที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันนี้ และจะไม่มีคุกขัง หลายคนบอกว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางองค์กร เช็กได้ได้เลย 100 บิล 100 คำสั่งซื้อ 100 การจัดจ้าง ทุกจริตทุกงาน ส่วนรัฐบาลกลางก็จะจี้ไปได้เลย โครงการระดับกลาง ระดับใหญ่ ทุกโครงการทุจริตหมด”

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาทุกพรรคการเมืองพยายามจะอ้างถึงแนวนโยบายในลักษณะใกล้เคียงกัน พรรคไทยภักดีมั่นใจหรือไม่ จะนำนโยบาย 3 อย่าง ดังกล่าว เข้าไปนำเสนอแล้วได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนได้

ประธานพรรคไทยภักดี ระบุว่า จะเรียกว่าหน้าที่ก็ได้ เอาบทบัญญัติที่ว่าด้วยหน้าที่มาผลิตเป็นนโยบาย เพราะฉนั้นทุกพรรคจะต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 เรื่องนี้ การปฏิรูปประเทศเขียนไว้ในมาตรา 258 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เขียนไว้ในมาตรา 50 ของของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ส่วนการป้องกันปราบปรามการทุจริต เขาเขียนไว้ในนโยบายแห่งรัฐ หรือในมาตรา 258 เป็น 1 ใน 6 ข้อของมาตรา 258 แต่ที่เอามาผลิตเป็นนโยบายนั่นคือเห็นว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่การเมืองทุกพรรคจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบาย ที่หยิบยกขึ้นมาดำเนินการ

ส่วนนโยบายหลักของพรรคไทยภักดี ว่า ยืนข้างปกป้องสถาบัน แต่อีกฝ่ายประกาศจะปฏิรูป แก้ไข ม. 112 อย่างเดียว โดยไม่มีพรรคอื่น ๆ พูดในเรื่องแบบนี้ชัดๆ

ประธานพรรคไทยภักดี ให้ความเห็นว่า “นักการเมืองส่วนมากต้องการหาเสียงทุกกลุ่ม จากทุกคนที่มีความคิดต่าง ก็อยากจะได้คะแนน กระโดดจากอีกฝั่ง มาสู่ฝั่งนี้ คุณเลิกหวังเถอะ ความคิดแนวที่จะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือที่เรียกว่า “ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์” มีชัดเจนอย่างน้อย 1 พรรค แล้วคนที่นิยมชมชอบตามแนวของพรรคนี้คุณอย่าคิดว่าเขาจะมาเลือกคุณเลย ถ้าคุณบอกจะปกสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็เลยจะใช้วิธีแทงกั๊กเงียบๆไป เผื่อที่จะดึงมาได้บ้าง ไม่ได้หรอกครับ นอกจากเราไปทำความเข้าใจเสียก่อน แต่ช่วงระยะเวลาสั้นๆของการหาเสียง 2 เดือน 3 เดือน ไม่มีทางที่จะไปเปลี่ยนความคิดได้”

 

ประเด็นสำคัญ ประธานพรรคไทยภักดี เน้นย้ำว่า ต้องเข้าใจในระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมีมายาวนาน ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 จนถึง ปัจจุบัน ก็มีบทบัญญัติว่าด้วยการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อยู่แล้ว หรือที่เขาเรียกว่า “ราชาธิปไตย” หรือการปกครองแบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นเรื่องปกติ แลคุณูปการที่พูดกันหลายต่อหลายเวที หลายต่อหลายครั้งมีมากมายมหาศาล สถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ได้มีการปฏิรูปตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ แต่คนที่ต้องการล้มล้าง เพราะเขามี “อคติ” เช่นจะยกเลิกการบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศล เป็นเรื่องอะไรของคุณล่ะ ไม่เกี่ยวกันเลย

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

และเมื่อถามว่า เนื่องจากพรรคไทยภักดี เป็นพรรคเล็ก เป็น พรรคเกิดใหม่ คิดอย่างไรกับกติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ “ถาวร เสนเนียม” ประธานพรรคไทยภักดี ระบุว่า ” สิ่งแรกเมื่อตัดคำว่า ส.ส.พึงมีออกไป ก็เหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็ก การชนะขาดลอยของทุนใหญ่ก็จะเกิดขึ้น นั่นคือทุนใหญ่จะกินรวบแน่นอน พร้อมกับตั้งคำถามว่า คงเคยได้ยินว่า มีการซื้อตัว ส.ส.กันคนละ 50 ล้าน 30 ล้าน 20 ล้าน เคยได้ยินหรือไม่ และกล่าวต่อว่า และก็ลงหาเสียงการเลือกตั้งแต่ละครั้งใช้ไป 50 ใช้ไป 30 บางคนบอกใช้ไป 100 กว่า มีครบ ประชาธิปไตยเงินสด ส่งผลให้เกิดวงจรอุบาทว์ เพราะเมื่อลงทุนไปแล้ว ก็จะมาถอนทุน แล้วก็เกิดการประท้วง แล้วเกิดการปฏิวัติ”

“เราสู้การเมืองโดยการเอาอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ใสสะอาดไปเสนอต่อพี่น้องประชาชน ถามกลับว่า แล้วพี่น้องประชาชนจะมั่นใจหรือว่าคุณจะชนะ วันนี้ถ้าเราไม่นับหนึ่งด้วยตัวเราเอง แล้วคอยให้ใครมานับหนึ่ง ก่อนหน้านี้ตนเข้าการเมืองเลือกตั้งปี 2538 เดินไปตรงไหนพี่น้องประชาชนบอกว่า อย่าให้ได้ยินนะว่า “ซื้อเสียง” อย่าให้ได้ยินนะว่า “เลี้ยงเหล้า” อย่าให้ได้ยินนะว่า “เลี้ยงขนมจีน” พี่น้องประชาชน ถ้ารู้เมื่อไหร่จะไม่เลือก บัดนี้วัฒนธรรมประชาธิปไตยเปลี่ยน แต่ถ้าหากเรารู้ว่าเปลี่ยน เปลี่ยนไปในทิศทางที่ไม่ดี เปลี่ยนไปในทิศทางที่เลวกว่าเดิม ถ้าเราไม่ยืนหยัดเอาความดีไปบอกพี่น้องประชาชน ว่า ทุจริตแก้ได้ ไม่ยกมือไหว้คนโกง เอาคนทุจริตมาเข้าคุก แล้วประเทศชาตินี้แผ่นดินจะสูงขึ้น

ที่สำคัญเราต้องมั่นใจในตัวเองเสียก่อน ว่าสิ่งที่เราคิดนี้ดี เราอย่าคิดว่าสิ่งที่เราคิดถ้าดีแล้วแพ้ คุณไม่ทำ นั่นไม่ได้ ถ้าคิดโอกาสแพ้สูงมาก แล้วไม่ทำ อย่างนี้ก็เหมือนกับทุกพรรค “โทษนะครับ ถามดูว่ามีพรรคการเมืองอยู่ 70-80 พรรค ลงเลือกตั้งสัก 10 พรรค ผมคิดว่า ซื้อเสียงเยอะมาก ไม่ต้องบอกว่าพรรคไหน พี่น้องประชาชนรู้”

ส่วนการตั้งเป้าหมายในการเลือกตั้ง ประธานพรรคไทยภักดี ระบุว่า ” คิดจะตั้งเป้า แต่ถามกลับมาว่า สิ่งที่เขาเรียกว่ากระสุน กับ หัวใจ เราเอาอะไรไปสู้ เมื่อเราบอกว่า 3 ป. เป็นเรื่องสำคัญ ตั้งเป้าเหมือนกัน แต่ตั้งเป้าแบบไม่ใช้กระบวนการหาเสียงแบบพรรคอื่น ไม่ใช้เงิน วัดใจกัน ว่าพี่น้องคนสงขลา จะเลือกเงิน ประชาธิปไตยเงินสด เสียงละพัน หรือจะเลือกคนที่ตั้งใจเสนอตัวเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน โดยไม่มีเอาเงินไปติดสินบน

เช่นการแข่งขันในสนามเลิอกตั้งสงขลา “ถาวร เสนเนียม” กล่าวว่า ตนยังคิดว่าพี่น้องประชาชนคนสงขลา ยังให้โอกาสผู้ที่มีความตั้งใจใช้การเมืองแบบสุจริต การอ่านเกมของตน อ่านใจของตน ผิดหรือถูก เดือนพฤษภาคมปีนี้คงจะรู้ ตนตั้งความหวังกับพี่น้องประชาชนคนสงขลา ว่าถ้าไทยภักดีส่งในเขตไหน คือเราเตรียมพร้อมที่จะได้รับการพิพากษาจากพี่น้องประชาชนว่า เราไม่ใช้เงิน ตัวเราดี นโยบายเราไปได้ เราจะได้สักกี่คะแนน ฝากความหวังเอาไว้ ขอความกรุณาให้พี่น้องประชาชนได้คิดว่าทุจริตแก้ไขได้

ส่วนการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคไทยภักดี เดินหน้าจะส่ง 300 เขต เพราะ กกต.มาจัดลำดับพรรคใหญ่ พรรคเล็กเอาไว้ ถ้าส่งสัก 300 เขตขึ้นไป สามารถไปดีเบต ที่เขาจัดให้ดีเบตโดยใช้สื่อของรัฐได้เต็มที่ ทั้งทีวี ทั้งวิทยุ ทั้งเวที อย่างน้อยนั่นคือโอกาสที่เราจะเอาการเมืองสุจริต 3 ป. ไปเสนอพี่น้องประชาชน

 

 

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ เมื่อถามถึงแนวทางการแข่งขันทางการเมือง จากมุมมองที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า จะเป็นการต่อสู้ของกลุ่มต่อต้านระบบทักษิณ โดยเฉพาะ กปปส. และอาจต้องซ้ำรอยเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งปรากฎว่าฝั่งที่ตรงข้ามกับระบอบทักษิณต้องแย่งฐานคะแนนกันเอง จนทำให้อีกฝ่ายชนะเลือกตั้ง

“ถาวร เสนเนียม” ประธานพรรคไทยภักดี ยืนยันว่า “ไม่เชื่อหลักคิดในลักษณะดังกล่าว เพราะการเสนอตัวให้พี่น้องประชาชนเลือก ย่อมเป็นประโยชน์กับประชาชน อาทิ พรรคฝั่งขวาคือฝั่งรัฐบาล พรรคฝั่งซ้ายคือเพื่อไทยและก้าวไกล โดยฝั่งซ้ายบอกตัวเองเป็นประชาธิปไตย ฝั่งซ้ายก็โยนมาฝั่งขวาว่าเป็นเผด็จการ หรือสืบทอดอำนาจเผด็จการ ฝั่งซ้ายตนพูดทุกเวทีว่ามีอยู่ 30-35 % ไปแย่งกันเอง 35 % เต็มที่

ส่วนถ้าพูดในเชิงปริมาณพรรคต่อพรรค โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้อันดับ 1 ก็มีมากเมื่อรวมกันแล้วทุกพรรค เพราะว่าเขาหารกันแค่ 2 โอกาสที่จะได้เป็นพรรคอันดับ 1 ก็มีเหมือนกับการเลือกตั้งปี 62 ได้ส.ส.มากกว่าพรรคพลังประชารัฐ แต่จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ อีกฝั่ง 5 พรรค 6 พรรคก็มาจับมือกัน

เพราะฉะนั้นปล่อยให้แข่งกันเองไป พี่น้องประชาชนที่ยืนอยู่ตรงกลางที่ยังไม่ตัดสินใจที่ตนพูดถึง ประมาณ 10 % อย่างมากสุด ถ้าพี่น้องประชาชนชอบฝั่งขวา อนุรักษ์นิยมก้าวหน้าทันสมัย ก็เลือกฝั่งขวา ส่วนอีกฝั่งพูดง่ายๆว่าอยากปฏิรูปสถาบันก็อยู่ตรงนี้ แต่ถ้าคิดได้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันที่มีคุณูปการ กับชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด ก็กลับความคิดเสียใหม่ มาอยู่ฝั่งนี้แทน”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สรรเพชญ" พร้อมกลุ่มสส.ร่วม "ชวน-บัญญัติ" ส่งหนังสือเร่งรัฐ เยียวยาน้ำท่วมทำใต้วิปโยค
“ทักษิณ” อวย ฉายา “แพทองโพย” เก่งกว่าพ่อนั่งนายกฯ ฟุ้งคนเหนือก็เป็นพ่อเลี้ยงกันหมด
“อนุทิน” น้อมรับฉายา “ภูมิใจขวาง” ลั่นไม่ได้คิดขวางใคร ชื่นชม “นายกฯ” ตั้งใจทำงาน หลังถูกมองเป็นรบ. (พ่อ) เลี้ยง
“รทสช.” เคลื่อนไหว หลังสื่อทำเนียบฯตั้งฉายา “พีระพันธุ์” Fc แห่คอมเมนต์ให้กำลังใจ
ชวนเที่ยวงาน "เที่ยวถิ่น กินอร่อย สมุทรปราการ" ปี 67 จัดใหญ่จัดเต็มส่งท้ายความสุขช่วงปลายปี
"ทักษิณ" เล่นใหญ่ กลับเชียงใหม่ นำ "พิชัย" ชิงนายกอบจ. เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อไทยได้ 10 สส.
แตกตื่นทั้งวอร์ด! หามผู้ป่วยพม่าติดโรคห่า 1 ราย ข้ามแดน ส่ง รพ.แม่สอด
ซีพีเอฟ ประมงเพชรบุรี และเรือนจำกลางเพชรบุรี นำภูมิปัญญาท้องถิ่นทำน้ำปลาจากปลาหมอคางดำ ตรา “หับเผย เขากลิ้ง”
หน่อยยลดา มั่นใจ 4 ปี ผลงานเข้าถึงใจ พี่น้องประชาชน ย้ำอีก4 ปี ผลงานที่ค้างจะเดินหน้าก้าว ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
DSI ส่งสำนวนฟ้องคดี "ดิไอคอน" 3.4 แสนแผ่น ยึดทรัพย์สินได้ 747 ล้าน จ่อเอาผิดกลุ่มแม่ข่ายเพิ่ม

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น