หรือคดีจะพลิก ข้อมูลใหม่ “ดาราสาวไต้หวัน” อ้างถูกรีดเงิน ภาพวงจรปิด ตร.ไม่ได้แตะตัว ไม่ได้ล้วงกระเป๋า

หรือคดีจะพลิก ข้อมูลใหม่ "ดาราสาวไต้หวัน" อ้างถูกรีดเงิน ภาพวงจรปิด ตร.ไม่ได้แตะตัว ไม่ได้ล้วงกระเป๋า

จากกรณีดาราไต้หวัน ที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย และอ้างว่าถูกตำรวจไทยขอค้นตัว ค้นกระเป๋าและเรียกเงินจำนวน 27,000 บาท ก่อนจะปล่อยตัวเธอไป เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 66

เบื้องต้นตำรวจได้ติดต่อไปยังช่องทางโซเชียลของเธอแล้ว และได้ประสานไปยังตำรวจไต้หวันให้ช่วยติดต่อ เพื่อขอข้อมูลและรายละเอียดที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งประสานไปยังที่พักที่อยู่ในเครือทุกสาขาเพื่อขอข้อมูล พยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีตำรวจกระทำอย่างที่เป็นข่าวจริง จะดำเนินการทางวินัยและทางอาญาแน่นอน

ต่อมาทางด้านพล.ต.อ.สำเริง สวนทอง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ได้สอบถามกับตำรวจที่ปฏิบัติงานวันนั้นทั้ง 7 นาย ซึ่งเป็นตำรวจ สน.ห้วยขวาง ทุกคนขอยืนยันด้วยเกียรติว่า ไม่มีใครเรียกรับเงิน แต่ยอมรับว่าในคืนเกิดเหตุมีการโต้เถียงกันบ้าง เนื่องจากภาษาที่ใช้สื่อสารกัน และดาราไต้หวันคงมีดื่มมาบ้าง และมีบุหรี่ไฟฟ้าในครอบครอง ตำรวจก็พยายามจะบอกเธอว่ามันผิด แต่เธอโต้กลับว่ามันไม่ผิด เลยยืนเถียงกันอยู่นาน จนต้องขอดูพาสปอร์ต แต่เธอบอกไม่ได้เอามาให้ตำรวจรอเดี๋ยวให้เพื่อนเอามาให้

ตำรวจรออยู่นานก็เพื่อนเธอก็ยังไม่มา ประกอบกับถึงเวลาเลิกตั้งจุดสกัดและตัวของดาราไต้หวันพิจารณาดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นอาชญากร จึงปล่อยไปแล้วเธอก็ขึ้นแท็กซี่ออกไป

หลังมีข่าวตำรวจไทยถูกแฉรีดเงินดาราไต้หวัน เขาก็ตกใจกัน ซึ่งตำรวจที่ปฏิบัติงานในวันนั้น เขาบอกว่าตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องของคำพูดหรือเปล่า เพราะเขาเองก็พูดไม่ดีมันมีบ้างเวลาเจอคนเมาคุมสติไม่ได้ พูดจากันไม่รู้เรื่อง แต่กลับกลายเป็นว่าถูกกล่าวหาในเรื่องรีดเงินไปได้

ทั้งนี้พล.ต.อ.สำเริง สวนทอง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังกล่าวอีกว่า ดูจากหลักฐานต่างๆ ประกอบคลิปกล้องวงจรปิด จึงค่อนข้างมั่นใจว่า ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นแน่นอน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางเรามีหน้าที่พิสูจน์ทราบว่าไม่ได้เป็นตามที่ถูกกล่าวหา หลักฐานครบเมื่อไหร่จะออกมาชี้แจงอีกครั้ง ส่วนใครจะรับฟังหรือไม่ก็เป็นเรื่องของบุคคล

 

ขณะที่ทางฝั่งดาราสาวไต้หวัน เจ้าตัวยืนยันว่า จำหน้าตำรวจที่รีดเงินได้ มีทั้งหมด 3 นาย หากผิดถูก ก็ให้เปิดหลักฐานมาเลย

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดก็มีกระแสในโลกโซเชียลอีกครั้ง เมื่อเพจเฟซบุ๊ก ดาวแปดแฉก โพสต์ข้อความว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่ลงจากรถยนต์มาสด้า 2 สีแดงตำรวจไม่ได้แตะ ไม่ได้ล้วงกระเป๋า ไม่ได้พาเดินเข้าซอย จนกระทั่งโบกรถแท็กซี่กลับเอง #เน็ตไอดอลสาวไต้หวันอ้างตำรวจเรียกเงิน

เจอแล้วคนขับรถมาสด้าสีแดง ให้ข้อมูลพฤติการณ์ชาย 3 หญิง 1 ทำไมถึงถูกเรียกเข้าด่านตรวจป้องกันอาชญากรรม #เน็ตไอดอลสาวชาวไต้หวันอ้างตำรวจเรียกเงิน

งานนี้เลยมีคอมเม้นต์จากชาวเน็ต ลุ้นตามติดประเด็นนี้ พร้อมรอให้มีข้อมูลที่ชัดเจนอีกครั้ง เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีทั้งคนพูดจริง และคนโกหกแน่นอน

 

 

 

ส่วนทางด้านพลตำรวจตรีอาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุ ตำรวจได้หลักฐานสำคัญเป็นภาพวงจรปิดจากกล้อง cctv ในบริเวณที่เกิดเหตุหน้าสถานทูตจีน ประจำประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก จำนวน 3 กล้อง โดยจุดแรกคือหน้าของสถานทูตจีน จุดที่ 2 บริเวณสะพานลอย ซึ่งกล้องตัวนี้ส่องเข้าไปในซอย

ที่เน็ตไอดอลสาวไต้หวัน อ้างว่า เป็นตำแหน่ง ที่เดินเข้าไปจ่ายเงินให้กับตำรวจไทย และกล้องจุด ที่ 3 คือบริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 13 โดยจากภาพวงจรปิดทั้ง 3 จุดพบว่า เน็ตไอดอลสาวไต้หวันมากับเพื่อนชายอีก 3 คน เรียกใช้บริการแกรป เป็นรถ Mazda 2 สีแดง ขับเข้ามายังด่านตรวจเวลาตี 2.27 น.

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญผู้โดยสารลงจากรถแกรป ไปยืนบนถนน และย้ายไปอยู่บนฟุตบาท โดยใช้เวลาพูดคุยสื่อสารกันอยู่พักใหญ่ จากนั้นมีรถแท็กซี่สีส้มขับพากลุ่มเน็ตไอดอลสาวทุกคนออกไปจากด่านจุดเกิดเหตุ

ซึ่งภาพจากวงจรปิดทั้ง 3 ตัว ยังไม่พบภาพที่เห็นว่า เน็ตไอดอลสาวและพวกเข้าไปในซอย เพื่อจ่ายเงินให้กับตำรวจตามที่กล่าวอ้าง อย่างไรก็ดีประเด็นนี้จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง

สำหรับแท็กซี่สีส้มที่รับกลุ่มเน็ตไอดอลสาวออกไปจากด่านขณะนี้ทราบบริษัทต้นสังกัดของแท็กซี่แล้ว อยู่ระหว่างประสานเพื่อติดตามตัวคนขับมาให้ข้อมูล

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่าจากการ inbox ไปยัง Instagram และช่องทาง Social ส่วนตัวของเน็ตไอดอลไต้หวันเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม เบื้องต้นเจ้าตัวได้เปิดอ่าน และตอบกลับ โดยส่งแค่โลเคชั่นจุดเกิดเหตุ มาให้เจ้าหน้าที่ไทยเท่านั้น ส่วนข้อมูลอื่น ๆ เจ้าตัวแจ้งว่าจะให้ผ่านตำรวจไต้หวัน ซึ่งตำรวจทางได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจสอบสวนกลางไต้หวันเพื่อขอข้อมูลแล้ว

ส่วนความคืบหน้า การตรวจสอบสถานที่พักของเน็ตไอดอลสาวไต้หวัน เบื้องต้นพบว่า ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ถึง 2 มกราคม 2566 พักอยู่ที่โรงแรม ย่านทองหล่อ จากนั้นเช็คเอาท์มาเข้าพักที่ย่านพระราม 9 ระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม 2566 กระทั่งเดินทางกลับออกไปในช่วงเย็นของวันที่ 5 มกราคม 2566 ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มั่นใจว่าเรื่องนี้จะชัดเจนและได้ข้อยุติใน 1-2 วันนี้

 

นอกจากนี้ในเพจหนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว ยังระบุอีกด้วยว่า “สื่อไต้หวันกลับมาเล่นข่าวอีกครั้ง ปมดาราสาวไต้หวันอ้างถูกตำรวจไทยรีดไถเงิน 27,000 หลังจากที่กลายเป็นข่าวดังในไทย

ล่าสุดไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้ ข่าวไต้หวันกลับมาเล่นข่าวนี้อีกครั้ง หลังกลายเป็นข่าวดังที่ไทย2 วันนี้ และมีการพาดหัวว่า “ตำรวจไทยเดือด เร่งตรวจสอบ :ไม่ยอมให้มีคอรัปชั่น

ดีค่ะ ดังกลับไปถึงฝั่งไต้หวัน ไม่นานสื่อไต้หวันคงมีการติดต่อสัมภาษณ์ดาราสาวอีก จะได้ซักถามข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ เป็นธรรมทั้ง2 ฝ่าย ถ้ามีข่าวไต้หวันคืบหน้าไว้มาแปลให้ค่ะ”

 

 

อาจเป็นรูปภาพของ 2 คน และ ข้อความ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น