อยากที่รู้ว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายใต้การนำของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถช่วงชิงความได้เปรียบในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและรวมถึงการผลักดันให้แคนดิเดตนายกฯของพรรคคนที่ ๒ ขึ้นเป็นนายกฯของประเทสได้สำเร็จ ภายหลังจากที่การเลือกตั้งคราวที่แล้วเมื่อ ๒๔ มี.ค.๒๕๖๒ เคยชู “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้่นเป็นนายกฯสำเร็จมาครั้งหนึ่งแล้ว เพียงแต่เที่ยวนี้คงไม่ง่ายเหมือนเก่า โดยเฉพาะภายหลังพี่น้อง ๒ ป. บูรพาพยัคฆ์ต้องแยกทางเดินกัน ลุงป้อมอยู่พปชร.บิ๊กตู่ย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ๒ ป.ต่างคนต่างเดิน แกนนำบางคนย้ายพรรคออกไป ส.ส.หลายคนหนีไปอยู่พรรคอื่น พปชร.ไม่เข้มแข็งมั่นคงเหมือนเก่า
แต่เรื่องนี้ไม่มีปัญหาสำหรับลุงป้อม เพราะมั่นใจอยู่แล้วว่าการเมืองสไตล์ “ใจบันดาลแรง” ของตัวเอง จะสามารถนำพาพปชร.ไปสู่เป้าหมายการเป็นรัฐบาลและมีลุ้นคั่วเก้าอี้สร.๑ ได้ยาวๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าประการแรกแม้จะเหลือส.ส.ในมือน้อย ที่หลายฝ่ายประเมินว่าเลือกตั้งคราวหน้าพปชร.อาจมาที่ ๔ หรือ ๕ และน่าจะได้ส.ส.แค่ ๓๐-๔๐ คน ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น แต่ที่แน่ๆจะไม่ใช้แกนนำจัดตั้งรัฐบาลเหมือนคราวที่แล้วแน่นอน แต่ด้วยความที่เป็นพรรคขนาดกลางนี้แหละที่อาจกลายเป็น “จุดแข็ง” ให้ลุงป้อมและพปชร.สามารถสวิงไปอยู่กับใครแล้วทำให้พรรคการเมืองนั้นเป็นพรรคเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) หรือแม้แต่รทสช.ของน้องเล็กอย่างบิ๊กตู่ ประการต่อมากรณีที่ส.ว.๒๕๐ คน ยังมีสิทธิ์ยกมือโหวตเลือกนายกฯได้อีกปีครึ่ง ยังทำหน้าที่ได้ถึงปี ๒๕๖๗ ตรงนี้แหละที่จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลุงป้อมรวมถึงบิ๊กตู่มีลุ้นช่วงชิงเก้าอี้นายกฯขึ้นมาทันที แม้เลือกตั้งคราวนี้ทั้งลุงป้อมและบิ๊กตู่อาจมีส.ส.ในมือน้อยกว่าแคนดิเดตนายกฯคนอื่นๆไม่ว่าจะเป็น “อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา” จากคอกเพื่อไทย หรือ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แต่พี่น้อง ๒ ป. ก็จะมีแต้มต่อจากส.ว.ในกระเป๋าเข้ามาทดแทน ประการสำคัญก็อยู่ที่ตัวลุงป้อมนั้นแหละ ที่ออกมาชูจุดขาย “ผู้นำไม่ขัดแย้งพรรคไม่มีขั้ว” พร้อมไปกับทุกพรรคมีความรักให้ทุกคน แต่ขออย่างเดียวต้องให้ลุงเป็นนายกฯ
ล่าสุดหลังเห็นในพรรคคนลดน้อยถอยลง เพราะส่วนใหญ่ก็ตามน้องเล็กอย่างบิ๊กตู่ออกไปรทสช. ลุงป้อมก็เลยจัดการอัพเกรดยกเครื่องพปชร.ใหม่ ดาบแรกไปดึงมือการตลาดเก่งเรื่องสร้างภาพกับสังคมอย่าง “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตรองนายกฯและรมว.พาณิชย์เข้ามาช่วยดูแลเรื่องภาพลักษณ์และดูเรื่องเศรษฐกิจ แม้จะมีรายการ “ชักเข้า-ชักออก” งอแงมีข่าวลาออกกันอยู่บ้างแต่สุดท้ายก็พอคุยกันรู้เรื่อง ถัดจากนั้นมาก็มีการเปิดประตูอ้าแขนรับก๊วนเศรษฐกิจไทย (ศท.) ของผู้กองธรรมนัส ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่สุดท้ายปลายทางผู้กองก็ต้องหอบหิ้วลูกน้องที่เป็นส.ส. ๑๐ กว่าคนกลับมาซบไออุ่นของลุงป้อม เพราะไปต่อไม่ไหวไปเองไม่ได้ สายป่านไม่ยาวสายเงินไม่ได้ เดินหน้าต่อพรรคตัวเองก็คงเจ๊งไปอยู่กับพท.เขาก็ไม่เอา สุดท้ายผู้กองก็ต้องมาตายรัง แต่รอบนี้มาแบบลักปิดลักเปิด คือให้ลูกน้องกลับเข้าพรรคหมดแต่ตัวเองจะอยู่หลังม่านช่วยงานลุงป้อมแบบไม่ออกหน้า เพราะโจทย์เก่ามันเยอะคดีความก็มีชื่อไปมีเอี่ยว โดยเฉพาะกรณีล่าสุดทุนจีนสีเทา จับผลัดจับผลู่มีคนไปร้องเอาผิดขึ้นมาอาจทำให้พปชร.ซวยได้ง่ายๆ เลือกตั้งกำลังจะมาเพื่อความปลอดภัยของลุงป้อมเลยต้องกันผู้กองเอาไว้ก่อนไม่ต้องรีบเข้ามาอยู่ในพรรค ตัวร.อ.ธรรมนัสเองก็คงไม่มั่นใจในความผุดผ่องของตัวเองเที่ยวนี้จึงขอช่วยลุงป้อมอยู่หลังฉาก เดินเกมอยู่หลังม่านน่าจะดีกว่า ส่วนจะได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยแค่ไหนก็ต้องตามดูกัน นอกจากนี้ล่าสุดลุงป้อมยังสั่งเรียกตัว “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน น้องรักเตรียมทหารรุ่นที่ ๑๓ กลับคืนรังมาช่วยกันในช่วงเลือกตั้งที่จะถึง โดยบิ๊กน้อยจะกลับมารับหน้าที่ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคคอยเป็นหูเป็นตาสอดส่องเรื่องต่างๆให้กับลุงป้อม
เป็นอันว่าล่าสุด พปชร.ก็ประกอบร่างได้สำเร็จ ล่าสุดสายวันนี้ ๒๗ ม.ค. ๒๕๖๖ ก็ได้ฤกษ์จัดการประชุมใหญ่ก่อนจะเคาะกรรมการบริหารพรรค ๒๑ คน ประกอบด้วย ๑.พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค ๒.วิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ๓.สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค ๔.ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ๕.ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค ๖.สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ๗.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ๘. พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรค ๙. สมศักดิ์ เทพสุทิน กรรมการบริหารพรรค ๑๐.สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กรรมการบริหารพรรค ๑๑.นิโรธ สุนทรเลขา กรรมการบริหารพรรค ๑๒.สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ กรรมการบริหารพรรค ๑๓.นางประภาพร อัศวเหม กรรมการบริหารพรรค ๑๔.ยงยุทธ สุวรรณบุตร กรรมการบริหารพรรค๑๕. รงค์ บุญสวยขวัญ กรรมการบริหารพรรค ๑๖.อรรถกร ศิริลัทธยากร กรรมการบริหารพรรค ๑๗. พล.อ. ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค ๑๘. พรชัย ตระกูลวรานนท์ กรรมการบริหารพรรค ๑๙.สกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค ๒๐. บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ กรรมการบริหารพรรค ๒๑.อภิชัย เตชะอุบล กรรมการบริหารพรรค มาครบทุกมุ้งอยู่ด้วยกันทุกก๊วนลุงป้อมแจกจ่ายเก้าอี้กก.บห.ให้ทุกกลุ่ม สายตรงป่ารอยต่อ สามมิตร สายใต้ ปากน้ำ เศรษฐกิจไทย ฯลฯ แกนนำทุกสายอยู่ครบหมด
แค่นั้นยังไม่พอล่าสุดลุงป้อมเตรียมเปิดบิ๊กดีลกับ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ ๒ กุมาร อุตตม สาวนายน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) หวังดึงทั้งหมดกลับมาช่วยดูเรื่องเศรษฐกิจให้กับพปชร. หลังจากที่ดีลรวมพรรคระหว่างสอท.กับพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ของเจ๊หน่อยต้องล้มพับไป โอกาสสอท.กลับพปชร.มีสูงลิบ เพราะสองฝ่ายเคยร่วมมือกันมาก่อน “สมคิด-อุตตม-สนธิรัตน์” ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ล้วนเป็นผู้บุกเบิกตั้งพปชร.มาด้วยกันทั้งนั้น ถ้าดีลสำเร็จสมคิดกับ ๒ กุมาร ได้ยกทีมงานสอท.กลับมารังเก่า บอกเลยว่าพปชร.จะกลายเป็นพรรคามีทีมงานทุกฝ่ายเข้มแข็งสุดๆ เพราะมีคนเครื่องต้มยำ รวมพล “เสือ สิงห์กระทิง แรด ” พท.ก็ต้องมีหวั่น ภท.ก็ต้องแอบหนาว รทสช.ก็มีสิทธิ์กระเจิง ราศีว่าที่นายกฯคนที่ ๓๐ ของลุงป้อมจะฉายแววออกมาทันที ถ้าทุกอย่างเดินตามเกมนี้หมด เป้าหมายหามลุงป้อมเป็นนายกฯ แบกพล.อ.ประวิตรนั่งเก้าอี้สร.๑ บนตึกไทยคู่ฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อม
/////////////////////////
