จากกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ลงคลิปการคุยโทรศัพท์กับนายสกาย ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นชายชาวสิงคโปร์ที่เดินทางมาในรถแกร็บคันเดียวกับดาราสาวชาวไต้หวัน อันอยู๋ชิง และอยู่ในเหตุการณ์คืนวันที่ 4 ม.ค.ด้วย ที่สำคัญ เขาคือคนที่จ่ายเงิน 27,000 บาท ให้ตำรวจไทย
นายชูวิทย์ถามว่าได้จ่ายเงิน 27,000 บาท ให้กับตำรวจจริงหรือไม่ นายสกายตอบว่า ใช่ โดยจ่ายให้ตำรวจ 1 นาย และมีตำรวจอีก 4 นาย แต่มีตำรวจ 1 นายที่ขู่มากแล้วก็คุยกันตลอด ส่วนอีก 2 คนก็มาช่วยคุยด้วย วันเกิดเหตุไปกัน 4 คน เป็นชาวสิงคโปร์ 3 คน และดาราไต้หวัน 1 คน
เมื่อถามว่าจ่ายเงินให้ตำรวจ เพราะบุหรี่ไฟฟ้าหรืออะไร นายสกาย ตอบว่า ตำรวจบอกว่าทำไมไม่เอาพาสปอร์ตจริงออกมา และทำไมไม่มีวีซ่า จึงบอกไปว่าสิงคโปร์ไม่ต้องมีวีซ่าเข้ามา โดยอยู่ไม่ถึง 30 วันไม่ต้องมีวีซ่า แต่ตำรวจก็พยายามจะขอดูพาสปอร์ตตัวจริง จึงหันไปบอกเพื่อน เพื่อให้ไปเอาพาสปอร์ตตัวจริงที่โรงแรม แต่ตำรวจบอกว่าไม่ได้ เพราะ 2 คนไม่มีพาสปอร์ตตัวจริง จึงพยายามชี้แจงว่าไม่ทำอะไรผิดกฎหมาย ก่อนตำรวจจะบอกว่าไม่ได้ เพราะเพื่อนมีบุหรี่ไฟฟ้า เราก็ยอม แต่ชี้แจงไปว่าที่ตลาดก็มีร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า แต่ตำรวจก็ยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย
จากนั้นตำรวจก็ขู่และเหมือนว่าโมโห พอเพื่อนจะคุยโทรศัพท์ ตำรวจบอกว่าคุยโทรศัพท์ไม่ได้ ถ่ายรูปก็ไม่ได้ และถ่ายติ๊กต็อกก็ไม่ได้
นายชูวิทย์ได้กล่าวขอโทษนายสกาย แล้วชวนให้นายสกายมาเมืองไทย เพื่อให้พูดข้อเท็จจริงให้สังคมไทยรับรู้ เพราะตำรวจไทยปฏิเสธและแต่งเรื่องขึ้นมา หากนายสกายมาบอกความจริงก็จะถือว่าทำเพื่อประเทศไทย โดยจะนำเงิน 27,000 บาทคืนให้ด้วย เนื่องจากเรื่องนี้ในไทยเสียหายมาก ไทยจึงอยากยึดแบบสิงคโปร์ เพราะไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งนายสกาย ก็บอกว่า ตอนนี้คิดอยู่ เพราะคิดว่าเรื่องนี้อันตราย
จนในเวลาต่อมาได้มีการสั่งย้าย 7 ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ส่วนทางด้านผบ.ตร. ก็แถลงขอโทษสังคม กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย
ล่าสุดดาราสาวชาวไต้หวัน ได้โพสต์ข้อความลงในไอจีและเฟซบุ๊กของเธอ ระบุว่า “ขอบคุณ BBC และสื่อทุกสำนักที่สละเวลาอันมีค่าเพื่อฟังและแบ่งปันความจริง