หลังจากพยายามอย่างยิ่งยวดในการตามหาพันธมิตรทางการเมือง เพราะรู้ดีว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในปีนี้ หนักหนาสาหัสแน่ๆสำหรับพรรคเกิดใหม่อย่างพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ภายใต้การนำของอุตตม สาวนายน หัวหน้า สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกมาทำการเมืองแบบแข็งขันในการชู “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯที่จะมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้กับประเทศไทย แต่เมื่อเกมเปลี่ยนกติกาพลิกเงื่อนไขเปลี่ยนไป โดยเฉพาะกติการสูตรหาร ๕๐๐ ถูกทำแท้งให้เป็นหมันไป พรรคเล็กเกิดยากพรรคใหม่โตลำบาก ไม่ใช่สอท.ไม่คิดจะยืนด้วยลำแข้งตัวเอง แต่การเลือกตั้งแต่ละครั้งต้องใช้เงินมหาศาล จะยืนป่าวประกาศนโยบายหาเสียงกินอุดมการณ์ไม่ซื้อไม่ขายเสียง หมาที่ไหนใครจะเข้าพรรค สอท.เข้าใจวัฏจักรเรื่องนี้ดี ที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับวงจรการเมืองไทยที่ “เงิน” ต้องเป็นใหญ่และมาก่อนเสมอ
มีความพยายามจะหาทางออกเพื่อให้แบรนด์สอท.ยังคงอยู่ต่อไป แรกเริ่มทีแรกก็มีความพยายามในการหาพันธมิตรทางการเมืองอย่างพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุพราพันธุ์ คุยกันนาน ๒-๓ เดือนแต่ไม่มีอะไรคืบหน้า เดินหน้า๒ ก้าวถอยหลัง ๓ ก้าว ยึกยักไปมา ก็อย่างที่รู้ว่าเจ๊หน่อยนั้นขึ้นชื่อเรียกความเขี้ยวของวงการระดับตัวแม่ ยิ่งสอท.จะไปพึ่งใบบุญขอเข้าไปร่วมงานแบบนี้ เจ๊หน่อยถือแต้มต่อสุดๆทั้งโขกทั้งสับตามนิสัยเดิม ให้สมคิดเป็นแคนดิเดตนายกฯคนเดียว ที่เหลือไม่ให้อะไรเลย ๒ กุมารไม่มีตำแหน่งกรรมการบริหาร สารพัดข้อแม้สารพันข้ออ้าง ทสท.ได้เปรียบทั้งขึ้นทั้งร่องไม่ยอมให้ขาดทุนแม้แต่สลึงเฟื้องเดียวที่สุดใครจะยอมได้ “คุณหญิงโขกสับฝ่ายเดียว เอาเปรียบพวกเราจนเอือมระอา ดีลระหว่างกันจึงล่มลงไม่เป็นท่า” แกนนำสอท.ระบุ ส่วนกรณีของสอท.กับพรรคชาติพัฒนา(ชพน.) ก็ล้มไปนานแล้วเพราะไปต่อกันลำบาก ความต้องการไม่ตรงกัน ที่สุดเลยต่างคนต่างไป
ตอนจังหวะที่สอท.กำลังเคว้งไปกับชพน.ก็ไม่ได้ ย้อนศรกลับไปหาทสท.ก็ลำบากเพราะฝ่ายเจ๊หน่อยก็เขี้ยวเหลือเกิน จังหวะนี้แหละที่พี่ใหญ่ ๓ ป.บูรพาพยัคฆ์ยื่นมือเข้ามาหา ในรั้วกองทัพทุกคนรู้กันดีว่า “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ทบ.เตรียมทหารรุ่น ๖ (ตท.๖) ใจถึง พึ่งได้ ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน ด้วยอุปนิสัยเหล่านี้เองที่ทำให้ลุงป้อมสร้างบารมีคับกองทัพ เป็นประธานตท.๖ อมตะ เป็นพี่ใหญ่ของน้องๆทุกคนในรั้วแดงกำแพงเหลือง เป็นป๋าป้อมแห่งมูลนิธิป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด ในกองทัพบารมีของลุงป้อมแผ่ไพศาล แต่ในยุทธจักรการเมืองเจ้าตัวเพิ่งลงสนามเข้าวงการมาได้จริงๆ ราวสิบปีเศษ แต่สถาปนาอำนาจแบบเต็มๆ ถึงขั้นเฟื่องฟูแบบสุดๆ ก็ในช่วง ๘ ปีที่อยู่เคียงข้างน้องรักอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมนี้แหละ เพราะทั้งคู่ต่างก็น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ต่อให้แตกพรรคแต่ปลายทางก็แยกจากกันไม่ได้ หลังทราบความว่าสอท.ของสมคิดกับ ๒ กุมารตกที่นั่งลำบากหาที่ลงไม่ได้ พี่ใหญ่จึงได้จังหวะสบโอกาสทองยื่นมือเข้าไปหาดึงทั้งหมดกลับพาร่วมงานที่บ้านเก่าในพปชร. ” พล.อ.ประวิตรท่านสุภาพบุรุษ ท่านมาหาเราเชื้อเชิญให้เรามาทำงานด้วยกัน ขอให้ก้าวข้ามความขัดแย้ง ท่านเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้กลับให้เกียรติพวกเราเป็นอย่างมาก” แกนนำสอท.อธิบายเหตุผลที่กลับมาทำงานที่บ้านเก่า
ลุงป้อมใจบันดาลแรงกับพปชร.ได้ ๒ กุมารกลับไปร่วมงานกันอีกครั้งพร้อมกับการกลับมาของน้องรักที่จากไปอย่าง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ยามนี้ต้องบอกว่าเสมือนพยัคฆ์ติดปีก ” เป็นที่น่าดีใจที่เราได้ต้อนรับทั้ง ๓ คน คนแรก พล.อ.วิชญ์ คนที่สอง คือ นายอุตตม และคนที่สามคือ นายสนธิรัตน์ ถือเป็นเกียรติกับ พปชร.เป็นอย่างยิ่ง ผมพูดไม่เก่ง แต่ฟังเก่ง อยากจะฝากบอกกับทุกคนว่าพรรคของเราเป็นพรรคที่เรารวมกัน ก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมด ฉะนั้น ทั้งสามคนจะมาช่วย พปชร.ในการดำเนินการกิจกรรมการเมืองและเศรษฐกิจ เพื่อที่จะให้พรรคมีความเข้มแข็ง เราได้สองหัวหน้าพรรค กับหนึ่งเลขาธิการพรรคนับว่าเป็นเกียรติกับ พปชร.เป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ นายอุตตมจะมาช่วยดูแลเรื่องเศรษฐกิจ นายสนธิรัตน์จะช่วยดูเศรษฐกิจและการเมืองด้วย ส่วนพล.อ.วิชญ์ ช่วยทั้งพรรค ” พล.อ.ประวิตรประกาศกร้าวแสดงความมั่นใจ บิ๊กน้อยเป็นน้องรักที่ลุงป้อมไว้วางใจที่สุดน่าจะเข้ามาช่วยพรรคได้มาก ส่วน “อุตตม-สนธิรัตน์” ก็คงมาช่วยเรื่องการวางแนวนโยบายเศรษฐกิจให้กับพปชร.ได้มาก เพราะเคยเป็นขุนคลัง รมว.พาณิชย์ รมว.อุตสาหกรรม รมว.พลังงาน ฯลฯ มีประสบการณ์มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ แถมสนธิรัตน์ยังมีส.ส.ในมือ ๖-๗ คน ที่พร้อมเข้ามาช่วยงานพปชร. มีแต่ได้กับได้
แต่สมการที่หายไปจากการคัมแบ๊กคืนรังพปชร.ของอุตตมกับสนธิรัตน์ มีคำถามว่าแล้วเฮียกวงกูรูเศรษฐกิจอย่างสมคิดจะอยู่ตรงไหนของพปชร. เรื่องนี้ยังไม่ชัดว่าลุงป้อมคุยกับสมคิดว่าอย่างไร จะมาช่วยงานกันแบบไหนหรือจะวางมือยุติบทบาททางการเมืองไว้แค่นี้ สมคิดปัจจุบันอายุ ๗๐ ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวในสนามการเมืองมามากมายนับครั้งในถ้วน เป็นพระรองมา ๔ สมัย ยุคแม้ว ๓ ครั้ง ยุคบิ๊กตู่ครั้งนึง เคยเป็นขุนคลัง เป็นรมว.พาณิชย์ เป็นรักษาการรมว.อุดมศึกษา ผ่านช่วงประวัติศาตร์การเมืองสำคัญๆมาทุกยุคทุกสมัย อยู่ร่วมในเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง และวิกฤติของประเทศมานับครั้งไม่ถ้วน รอบนี้แม้อาจจะเคยถูกสอท.ชูเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่เมื่อรู้ว่าโอกาสยากเส้นทางคงไปไม่ถึงเจ้าตัวก็ไม่ดื้อรั้นฝืนลิขิตฟ้าชะตาสวรรค์ สมคิดบอกกับคนใกล้ชิดว่า ” ไม่คิดทะเยอทะยานขึ้นบันไดสวรรค์ไต่ตึกไทยคู่ฟ้าไปเป็นนายกฯ ตอนนี้ได้ส่งน้องๆขึ้นฝั่งก็หมดหน้าที่ จากนี้จะขอเที่ยวและเลี้ยงหลานๆ ลูกๆของ คิด เต๋า คลัง ลูกชายของทั้ง ๓ คน เป็นคุณปู่ที่น่ารักของเด็กๆ การเมืองขอไม่เอาแล้ว พอแล้ว” ส่วนอนาคตหากฟ้ากำหนดสวรรค์ขีดเส้นให้กลับมาสู่การเมืองอีกก็ค่อยว่ากันว่าจะเป็นแบบไหนอย่างไร แต่ตอนนี้ขอเอาใจช่วยประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองผ่านพ้นวิกฤติไปก่อน
/////////////////