ส่อง “บิ๊กตู่” ปาดหน้า “ลุงป้อม” สุดทางพี่น้อง…?

ถึงเวลาเอาคืนเมื่อ "บิ๊กตู่" ปาดหน้า "บิ๊กป้อม" ชิงพื้นที่หาเสียงในภารกิจบริหารจัดการน้ำบึงบอระเพ็ด "สี่แควโมเดล" ที่นครสวรรค์ แถมใช้วาจาข่มพี่ ระบุรองนายกฯแค่ที่ปรึกษาแต่คนที่มีอำนาจเต็มอยู่ที่นายกฯเท่านั้น จับตาปลายทางการเมืองสุดท้ายพี่น้องจับมือสู้เพื่อสถาบัน

ปล่อยให้พี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ “บิ๊กป้อม” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชกใต้เข็มขัดปาดหน้าไปมาอยู่ข้างเดียวจนซวนไปเซมาอยู่พักใหญ่ ล่าสุดถึงเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะฮึดสู้สวนหมัดกลับออกมาบ้างแล้ว

การเอาคืนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีรับฟังรายงานการบริหารจัดการน้ำบึงบอระเพ็ด “สี่แควโมเดล” ที่จังหวัดนครสวรรค์ ก่อนจะตั้งใจใช้คำพูดตีกระทบชิ่งไปถึงพี่ใหญ่ว่า “จะรับสี่แควโมเดลไว้พิจารณา สิ่งสำคัญคือต้องทำให้รอบคอบทุกเรื่อง ดูว่าตรงอื่นมีอะไรที่จะได้หรือจะเสีย และไม่อยากให้มีความขัดแย้งในพื้นที่ ถ้ามีผู้ที่ต้องเสียต้องไปดูว่าจะไปแก้ปัญหาได้อย่างไร ซึ่งทุกอย่างพิจารณากันอยู่มาแล้ว โดยมีรองนายกรัฐมนตรีกลั่นกรองเข้ามาและรายงานมายังรัฐบาล ดังนั้นการจะอนุมัติหรือไม่อนุมัติขึ้นอยู่กับผม”

ทุกอย่างขึ้น “อยู่กับผม” เป็นวาจาขบเหลี่ยมทางการเมืองของ “บิ๊กตู่” ที่เลือกใช้คำพูดในลักษณะข่ม “บิ๊กป้อม” อย่างจงใจ เพราะเป็นที่ทราบกับดีอยู่แล้วว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา “บิ๊กป้อม” นอกจากจะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ยังสวมหมวกอีกใบในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดนโยบายขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นทุกพื้นที่ หรือเวทีใดในประเทศไทยถ้าเป็นเรื่องการบริหารจัดการน้ำ พล.อ.ประวิตรจะต้องเป็นผู้ถือธงนำในทุกๆ ภารกิจ

มาถึงวันนี้ถือเป็นครั้งแรกของ “บิ๊กตู่” ชิงปาดหน้าเอาคืนพี่ใหญ่ด้วยการลงพื้นที่รับฟังรายงานการบริหารจัดการที่น้ำบึงบอระเพ็ด ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่า ภารกิจบริหารจัดการน้ำเป็นหน้าที่ของใคร นอกจากนี้ยังประกาศศักดาโดยใช้สถานะของนายกรัฐมนตรีผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายบริหารฟาดกลับไปถึงพี่ใหญ่ในทำนองว่า ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีก็งั้น ๆ เพราะมีหน้าที่เพียงกลั่นกรองงานต่างๆ เท่านั้น ส่วนการตัดสินใจขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีคนเดียวเท่านั้น

น่าสนใจยิ่งนักกับอาการบลัฟกลับของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ต้องการข่ม พล.อ.ประวิตร อย่างชัดเจนโดยไม่สนใจว่า พี่ใหญ่จะคิดอย่างไรที่เห็นน้องเล่นแรงถึงขนาดนี้ แม้หลายเดือนที่ผ่านมาจะได้เห็นภาพ พล.อ.ประวิตร แย่งซีนด้วยการลงพื้นที่ปาดหน้า พล.อ. ประยุทธ์ ในจังหวัดต่าง ๆ แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่ พล.อ.ประวิตร จะหยามหยันน้องให้สะเทือนใจทั้งกายและวาจา และทุกครั้งถูกถามถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ พล.อ.ประวิตร จะยืนยันอย่างชัดเจนว่า ยังรักกันดีไม่มีอะไร แค่ต่างคนต่างแยกกันทำงานการเมืองคนละฝั่งเท่านั้น

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จับปฏิกิริยาการโรมรันสัประยุทธ์ ของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเมื่อการเมืองนับถอยหลังเข้าสูโหมดเลือกตั้ง การรบรา ฆ่าฟัน ข่มเหลี่ยม ชิงไหวพริบ ขุดคุ้ยภูมิหลัง เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในทุก ๆ สถานการณ์ ซึ่งในทางการเมืองถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกพรรคการเมืองเล่นกันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่แล้ว และต่อจากนี้ไปเชื่อว่า คงจะได้เห็นภาพของบิ๊กตู่ และบิ๊กป้อม ต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างถึงพริกถึงขิงไปจนสุดทางในวันที่ทั้งคู่ยืนคนละฝั่ง

แม้การเมืองเป็นเรื่องร้ายลึกถึงขนาดแยกพี่น้องให้เดินไปคนละทางตามภาระและหน้าที่ แต่ปลายทางต่างหากเป็นสิ่งสำคัญว่า เส้นขนานของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร จะมาบรรจบกันได้หรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า การเมืองสามารถกลับขั้วได้ตลอดเวลา และที่สำคัญเมื่อสถานการณ์การเมือง ณ ตอนนี้กำลังพลิกผันด้วยปัจจัยหลายอย่าง แม้ก่อนหน้านี้ที่เกิดข่าวดีลลับฮ่องกง พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย จับมือเพื่อไทยตั้งรัฐบาล ตอกย้ำกับคำพูดบิ๊กป้อม พร้อมจะเป็นนายกฯคนที่ 30 โดยจะขอจับมือกับทุกพรรคเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง

แต่ ณ ปัจจุบันสถานการณ์การเมืองกำลังเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เมื่อพรรคการเมืองกำลังถูกผลักให้ต้องเลือกขั้วระหว่างฝั่ง “รักสถาบันกับไม่เอาสถาบัน” จากปรากฏการณ์ ตะวัน- แบม ที่อดอาหารกดดันรัฐบาลพร้อมยื่น 3 ข้อเรียกร้อง 1.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 2.ปล่อยผู้ต้องหา และ 3. แก้ไข ม.112 และที่สำคัญเมื่อ 6 พรรคฝ่ายค้านประกอบด้วย พรรคเพือไทย พรรคก้าวไกล, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคประชาชาติ, พรรคเพื่อชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย กระโดดฮุบลงไปเล่นกับเยาวชนกลุ่ม 3 นิ้ว ด้วยการออกแถลงการณ์เห็นด้วยกับ 2 ข้อเสนอแรกของกลุ่มเยาวชนสามนิ้ว และแม้ว่าในแถลงการณ์จะไม่ออกตัวแรงถึงขนาดจะร่วมแก้ ม.112 แต่การยอมรับ 2 เสนอวิปลาสเท่ากับว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเลือกขั้วแล้วชัดเจน

 

นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยที่ยิงตรงไปถึงพรรคเพื่อไทยว่า กรณีการปราศรัยนายอานนท์ นำภา หนึ่งในนักเคลื่อนไหว ที่ประกาศต่อหน้ามวลชน ณ ลานสกายวอล์ค เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมาว่า ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากบุคคลสำคัญที่เป็นแกนนำระดับสูงที่สุดของพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมสนับสนุนการแก้ไขมาตรา112 และยังรวมถึงการแสดงออกของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชักชวนเยาวชนกลุ่ม 3 นิ้วไม่ต้องทะลุวัง แต่ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยเพื่อทะลุไปถึงทำเนียบรัฐบาล

ทั้งนี้จากปัจจัยทั้งหมดส่งผลให้การเมืองจำเป็นแยกขั้วกันอย่างชัดเจน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็น “เรื่องสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน” และเมื่อดีดลูกคิดทางการเมืองอย่างเสร็จสรรพคงไม่มีวันที่พลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” จะไปหลอมรวมกับพรรคเพื่อไทย ของนายทักษิณอย่างเด็ดขาด และสุดท้ายเส้นขนานของ “ลุงตู่ กับลุงป้อม รวมถึงพรรคการเมืองฝั่งอนุรักษ์” ก็จะกลับมาหลอมรวมกันอย่างเหนียวแน่นอีกครั้ง แม้ว่าในช่วงต่อจากนี้สองพี่น้องจะใส่กันยับเต็มคาราเบลก็ตาม….!

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ณเดชน์-เบลล่า" ขึ้นแท่นดาราแห่งปี "หมูเด้ง" ข่าวเด่นแห่งปีของจริงกลบทุกกระแส
เซเว่นฯ เดินหน้านโยบาย “2 ลด ลดพลาสติก ลดพลังงาน" เพื่อสิ่งแวดล้อม 24 ชม. เชิญชวนคนไทย ลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
“ภูมิธรรม”คาด 4 ลูกเรือไทยได้รับการปล่อยตัว 4 ม.ค. นี้ ยืนยันกลาโหม-กองทัพไม่ได้อ่อนแอ
ฮาร์บินเปิด ‘สวนสนุกน้ำแข็ง-หิมะ’ จีนใหญ่สุดในโลก
ทรัมป์เสนอยูเครนสละดินแดนเพื่อยุติสงคราม
โฆษกกห. ยัน ไม่ได้ปิดด่านชายแดนจังหวัดตาก แค่สกัดโรค อุดช่องทางธรรมชาติ
“พิพัฒน์” ลุยปฏิรูป “ก.แรงงาน” ก้าวใหม่สู่ยุค AI สร้างทักษะพัฒนาฝีมือ ดูแลสวัสดิการทุกมิติ
"สรรเพชญ" พร้อมกลุ่มสส.ร่วม "ชวน-บัญญัติ" ส่งหนังสือเร่งรัฐ เยียวยาน้ำท่วมทำใต้วิปโยค
“ทักษิณ” อวย ฉายา “แพทองโพย” เก่งกว่าพ่อนั่งนายกฯ ฟุ้งคนเหนือก็เป็นพ่อเลี้ยงกันหมด
“อนุทิน” น้อมรับฉายา “ภูมิใจขวาง” ลั่นไม่ได้คิดขวางใคร ชื่นชม “นายกฯ” ตั้งใจทำงาน หลังถูกมองเป็นรบ. (พ่อ) เลี้ยง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น