นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูแห่งอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN ของสหรัฐว่า ตนอาจเต็มใจที่จะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยการเจรจาสันติภาพ เพื่อช่วยแก้ไขวิกฤตรัสเซียและยูเครน หากคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ไม่คัดค้าน และหากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องถามมา ตนจะพิจารณาอย่างแน่นอน แต่ตนจะไม่เร่งรัดในเรื่องนี้ เพราะตนอยู่มานานพอที่จะรู้ว่า ต้องมีช่วงเวลาที่สถานการณ์สุกงอม
เนทันยาฮูกล่าวต่อว่า ตนเคยถูกขอให้ทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย ตั้งแต่ช่วงแรกของความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนเมื่อปีที่แล้ว แต่ครั้งนั้นที่ตนไม่พิจารณาคำขอนี้ เนื่องจากช่วงนั้น ตนไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ เนทันยาฮูได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งเป็นสมัยที่ 6 เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม ซึ่งเนทันยาฮูนั้น มีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ โดยเป็นผู้นำจากการเลือกตั้งกว่า 4 ทศวรรษ ที่อยู่ท่ามกลางความขัดแย้งกับชาวปาเลสไตน์
เนทันยาฮูกล่าวต่อว่า แม้ว่าตนจะมองว่า วิกฤตยูเครนเป็นปัญหาใหญ่สำหรับโลก และขณะนี้ ตนก็กำลังพิจารณาความช่วยเหลือทางทหารสำหรับยูเครนด้วย แต่ตนก็กำลังมีปัญหาเช่นเดียวกันนี้เหมือนกัน กับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งนี่ก็เป็นสวนหลังบ้านที่ตนต้องจัดการ ตนคิดว่าสันติภาพของโลกกำลังตกอยู่ในอันตราย จากอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน
การประกาศตัวของเนทันยาฮูครั้งนี้ สอดคล้องกับที่นายมิคาอิล โปลโดยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เคยให้สัมภาษณ์กับสถานีของอิสราเอลเมื่อเดือนที่แล้วว่า เนทันยาฮูสามารถเป็นผู้ไกล่เกลี่ยที่มีประสิทธิภาพได้ เพราะเนทันยาฮูเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า สงครามสมัยใหม่คืออะไร และอะไรคือสาระสำคัญของการไกล่เกลี่ย ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ
ในเวลาต่อมา นางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ก็ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ต่อความคิดของเนทันยาฮู ที่จะส่งความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครน โดยซาคาโรวากล่าวว่า เกี่ยวกับคำกล่าวนี้ ในด้านการจัดหาอาวุธ รัสเซียจะไม่แบ่งแยกประเทศตามหลักการทางภูมิศาสตร์ ทุกประเทศที่จัดหาอาวุธให้ยูเครน ควรเข้าใจว่า รัสเซียจะถือว่าอาวุธเหล่านั้นเป็นเป้าหมายที่ถูกต้อง สำหรับการดำเนินการของกองกำลังติดอาวุธรัสเซีย ความพยายามใดๆ ที่จะดำเนินการ หรือแม้จะยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่มีการประกาศจัดหาอาวุธเพิ่มเติมใหม่ๆ สิ่งนี้จะทำให้วิกฤตบานปลาย ซึ่งทุกคนควรตระหนักให้ได้ถึงเรื่องนี้