กบน.เคาะลดดีเซล 50 สต. มีผล 15 ก.พ.นี้ ชี้มีโอกาสลงต่อเนื่อง

สกนช. แจ้งข่าวดีเตรียมปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 50 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 34.50 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่ 15 ก.พ.66 เป็นต้นไป หลังราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง และคลังปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตรต่ออีก 4 เดือน ลุ้นมีโอกาสลดลงต่อเนื่อง แต่จะลดถึง 2 บาทตามที่คลังให้ความเห็นหรือไม่ ต้องพิจารณาหลายปัจจัย

วันนี้ (2 ก.พ.66) นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เห็นชอบการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 50 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกดีเซลอยู่ที่ 34.50 บาท/ลิตร โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.66 เป็นต้นไป

การปรับลดครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนหลังจากที่ขยับราคาน้ำมันดีเซล มาอยู่ที่ 35 บาท/ลิตรตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา

ข่าวที่น่าสนใจ

สำหรับการปรับลดราคาขายปลีกดังกล่าวเป็นผลมาจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ

1. ปัจจัยด้านสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลดลง โดยมีสัญญาณการลดลงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา โดยในปี 2565 ราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซล (Gas Oil) ตลาดโลกอยู่ที่ 135.53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และในเดือนมกราคม 2566 ราคาน้ำมันดีเซลลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 116.12 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

2. ปัจจัยที่ครม. อนุมัติปรับอัตราภาษีลดลงประมาณ 5 บาท/ลิตร ต่อไปอีกเป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.66 ถึง 20 พ.ค.66 โดยเป็นมาตรการต่อเนื่องตั้งแต่ก.พ.65 เป็นต้นมา จึงส่งผลให้การบริหารจัดการสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งหากเงินบาทแข็งค่า ก็จะทำให้ต้นทุนลดลง

นายวิศักดิ์ ระบุว่า การปรับลดราคาดีเซลครั้งนี้ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนได้ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะดีเซล เป็นน้ำมันหลักที่ใช้ในระบบโลจิสติกส์ รวมถึงประชาชน เกษตรกร ที่ใช้รถกระบะ ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระได้

นายวิศักดิ์ คาดว่าหากสถานการณ์ราคาน้ำมันยังคงมีแนวโน้มลดลงอีก ก็จะมีการพิจารณาความเหมาะสมในการปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลต่อไป ส่วนจะลดได้ถึง 2 บาทต่อลิตร ตามที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นว่า ควรพิจารณาปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล 1 – 2 บาทต่อลิตรนั้น มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน ซึ่งต้องพิจารณาจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่อไป อย่างไรก็ตาม จะมีการปรับเป็นขั้นบันได เพราะถ้าหากลดเยอะจะมีการกักตุน และมีการเก็งกำไร

“เรามองว่าปี 66 การผันผวนไม่รุนแรงมาก trend น่าจะลง แม้สถานการณ์ยูเครน รัสเซีย ยังคงยืดเยื้อ แต่ถ้าเรากระชากขึ้นหรือลงมาก ผู้ค้าจะสต็อก และอาจจะทำให้ดีเซลหน้าปั๊มปลายทางอาจจะมีปัญหา”

ด้านนายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สกนช. ระบุว่า จากราคาน้ำมันที่ยังคงผันผวนอยู่ ดังนั้น กบน.จึงลดราคา 50 สตางค์ไปก่อน อย่างไรก็ตาม จะมีการติดตามสถานการณ์ทุกวัน ก็จะมีการพิจารณาอีกครั้ง ส่วนการเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.66 เพราะเป็นเรื่องสต็อกน้ำมันที่ผู้ประกอบการจะสามารถบริหารสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง วันที่ 29 มกราคม 2566 ติดลบอยู่ที่ 113,436 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 ม.ค.66 เห็นชอบขยายเวลาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท ออกไปอีก 4 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.66 ถึง 20 พ.ค.66 เพื่อช่วยรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศไม่ให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนและภาคธุรกิจในระดับที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยมาตรการภาษีครั้งนี้ จะดำเนินการเป็นเวลาประมาณ 4 เดือน คาดว่าจะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 40,000 ล้านบาท

ขณะที่กระทรวงการคลัง ได้มีความเห็นเพิ่มเติมว่า กองทุนน้ำมันฯ ควรพิจารณาปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลทันที 1 – 2 บาทต่อลิตร และบริหารจัดการให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล อยู่ในช่วงระหว่างราคา 33 – 35 บาทต่อลิตร ประกอบกับพิจารณาจัดเก็บเงินเข้ากองทุนในอัตราที่แตกต่างกัน ระหว่างประเภทน้ำมันดีเซล รวมทั้งพิจารณาความเป็นได้ในวิธีการนำเทคโนโลยี เช่น แอพพลิเคชั่น หรือบัตรส่วนลดมาใช้ในการอุดหนุนราคาน้ำมันในอนาคตเพื่อให้สามารถดำเนินการได้เฉพาะกลุ่มเป้าหมาย

ดีเซล, เคาะลดดีเซล 50 สต.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง