ออกหมายจับ “ธาริต” กับพวก ศาลชี้ประวิงเวลา เชื่อจะหลบหนี ฟังฎีกาคดีตั้งข้อหา “อภิสิทธิ์-สุเทพ” มิชอบ

ออกหมายจับ "ธาริต" กับพวก ศาลชี้ประวิงเวลา เชื่อจะหลบหนี ฟังฎีกาคดีตั้งข้อหา "อภิสิทธิ์-สุเทพ" มิชอบ

จากกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต ผอ.ศอฉ. ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กับพวก ล่าสุดศาลอาญาออกหมายจับนายธาริต และพวกเพราะเชื่อว่าจะหลบหนี

 

 

โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (2 ก.พ.66) ศาลอาญานัดอ่านคำสั่ง หรือคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 7 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ จากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 วรรคสอง จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี

ซึ่งในคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสี่ ฝ่ายโจทก์ยื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสี่กระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษากลับให้จำคุกจำเลยทั้งสี่ คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี

ข่าวที่น่าสนใจ

ต่อมาจำเลยทั้งสี่ยื่นฎีกา อ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ในคดี ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาใหม่ และนายธาริต จำเลยที่ 1 มอบหมายให้ทนายความยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน โดยให้เหตุผลต่างกันหลายครั้ง โดยครั้งหลังสุด ขอเลื่อนโดยให้เหตุผลเนื่องจากต้องผ่านิ่วในไตทั้ง 2 ข้าง ใช้เวลารักษานานราว 4 เดือน รวมทั้ง นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมล หรือ น้องเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 และญาติผู้เสียชีวิตรายอื่น ๆ ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความที่สามในคดีด้วย

ศาลอาญาจึงมีคำสั่งให้ส่งคำร้องทั้งหมดให้ศาลฎีกาพิจารณาเพื่อมีคำสั่งคำร้อง โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาจะพิจารณาผ่านระบบจอภาพผ่านศาลอาญา และนัดฟังคำพิพากษา หรือคำสั่งศาลฎีกาในวันนี้ โดยทนายโจทก์ที่1-2 จำเลยที่ 2-4 ทนายจำเลยที่ 1 พนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลยที่ 3 ,4 ผู้รับมอบอำนาจนายประกันจำเลยทั้ง 4 มาศาล ส่วนจำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่าตามที่ได้แถลงต่อศาลในนัดที่แล้วว่า จำเลยที่ 1 เจ็บป่วยเป็นโรคนิ่วในไตทางด้านซ้าย และด้านขวา ต่อมาในวันที่ 29 มกราคม 2566 จำเลยที่ 1 ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ โดยแพทย์ได้ผ่าตัดส่องกล้องผ่านท่อไต และใส่สายระบายเลือดไว้ในท่อไตทั้งสองข้าง จำเลยที่ 1 จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้น และต้องติดตามอาการเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อประเมินสภาพไต และก้อนนิ่วอีกครั้ง รายละเอียดตามคำร้องขอเลื่อนคดี ฉบับลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 พร้อมเอกสารแนบท้าย

โดยสำเนาคำร้องให้คู่ความทุกฝ่ายแล้ว ทนายโจทก์ที่ 1 แถลงว่า ไม่คัดค้านการขอเลื่อนคดี โดยขอให้เป็นดุลพินิจของศาล แต่ขอให้ศาลกำหนดมาตรการเพื่อกำชับให้มีการอ่านคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลฎีกาโดยเร็ว เนื่องจากคดีนี้มีการขอเลื่อนเพื่ออ่านคำพิพากษา หรือคำสั่งศาลฎีกาในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้ว

ส่วนทนายโจทก์ที่ 2 แถลงว่า ไม่คัดค้านการขอเลื่อนคดี แต่ขอแถลงเพิ่มเติมว่า ตามใบรับรองแพทย์ที่ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นมาท้ายคำร้องขอเลื่อนคดีนั้น ระบุว่า จำเลยที่ 1 จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้น และจะต้องติดตามอาการเป็นเวลาอีกประมาณ 3 เดือน เป็นการไม่แจ้งชัดว่าจำเลยที่ 1 มีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัว โดยอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดระยะเวลาทั้ง 3 เดือนหรือไม่

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อพิจารณาตามคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยที่ 1 ประกอบเอกสารแนบท้ายแล้ว ปรากฏเพียงว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำการรักษาโดยการผ่าตัดส่องกล้องผ่านท่อไต เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2566 ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล และต้องติดตามอาการเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อประเมินสภาพไต และก้อนนิ่วอีกครั้ง แต่แพทย์ไม่ได้แจ้งว่า จำเลยที่ 1 จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดในทันที หรือต้องผ่าตัดเร่งด่วนในวัน และเวลาใด และจำเป็นต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตลอดระยะเวลา 3 เดือนหรือไม่ อีกทั้งไม่ได้ลงความเห็นว่า จำเลยที่ 1 มีอาการเจ็บป่วยถึงขนาดที่ไม่สามารถเดินทางมาศาลในวันนี้ได้ ประกอบกับจำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุเจ็บป่วยมาแล้วหลายครั้งเป็นเวลากว่าหนึ่งปี น่าเชื่อว่าการที่จำเลยที่ 1 ไม่มาศาลเป็นการประวิงคดีให้ล่าช้า ตามพฤติการณ์จึงมีเหตุให้เชื่อว่าจำเลยที่ 1 หลบหนี จึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 เพื่อนำตัวมาฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาต่อไป

โดยนายประกันจำเลยที่ 1 ไม่ส่งตัวจำเลยที่ 1 ต่อศาลตามนัด ถือว่าผิดสัญญาประกัน ให้ปรับนายประกันจำเลยที่ 1 เต็มตามสัญญา แจ้งนายประกันจำเลยที่ 1 ให้ชำระค่าปรับต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่วันนี้ โดยให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษา หรือคำสั่งศาลฎีกา ในวันที่ 24 มีนาคม นี้ เวลา 09.00 น. ตามที่คู่ความมีวันว่างตรงกัน แจ้งเลื่อนการอ่านให้ศาลฎีกาทราบ สำหรับคำร้องที่ผู้ร้องสอดเคยยื่นศาลฎีกา ในวันนี้ศาลฎีกาได้เเจ้งเลื่อนการพิจารณาคำสั่ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เจ้าคณะอำเภอสั่งนิมนต์  “พระอาจารย์ชิน” พ้นสำนักสงฆ์ใน 7 วัน หลังปลุกเสก “หมูเด้ง” ลูกศิษย์เศร้าพระอาจารย์เป็นพระสายปฏิบัติ
ผบ.ทร.ชื่นชมนักรบ 356 นาย เสียสละช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยพื้นที่เชียงราย
"ผบ.ทร" ตรวจเยี่ยม หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด ยกระดับกำลังพล-เครื่องมือ ทุกมิติ ย้ำรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มที่
"เจ้าอาวาสวัดดัง" พิษณุโลก เครียดหนัก เจ้าภาพกฐินเทงาน ซ้ำจ้างลิเกคณะดังมาแสดง กลับไม่จ่ายเงิน
“ชูศักดิ์” เผยเพื่อไทยตั้งวงวาง 3 สถานการณ์เร่งแก้ รธน. ย้ำยังเป็นเรื่องที่อยู่ในเป้าหมาย
"บิ๊กเต่า" เผยกองปราบเร่งสอบปม "ทนายตั้ม" รีดเงินบอสพอล 7.5 ล้าน
Ripley's Believe It or Not! Pattaya เปิดตัวเครื่องเล่นใหม่ตัวที่ 9 THE LOST PYRAMID การผจญภัย ล่าสมบัติในพีระมิดที่สูญหาย
"ทนายเจ๊อ้อย" เผยเหตุสอบปากคำนานเ ชี้ตร.เก็บทุกประเด็น ลั่นไม่มียอมความ
วัดหนองฆ้อ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พุทธาภิเษกพระผงเหนือดวงเศรษฐี หลวงพ่อทองสุข รุ่นที่ระลึกงานทอดกฐิน เปิดให้บูชาเนื่องในวันทอดกฐินสามัคคีประจำปีของวัด รายได้นำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
วัดหนองฆ้อ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พุทธาภิเษกพระผงเหนือดวงเศรษฐี หลวงพ่อทองสุข รุ่นที่ระลึกงานทอดกฐิน เปิดให้บูชาเนื่องในวันทอดกฐินสามัคคีประจำปีของวัด รายได้นำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น