เรียกคอมเมนต์ "ดราม่า 66" กระหึ่ม เสียความรู้สึก หลังเพจ หนังสือ ชื่อดัง ระบุ ศัตรูของนักสะสมหนังสือ คือ นักยืม ศัตรูของสำนักพิมพ์ คือ นักเช่า
ข่าวที่น่าสนใจ
เรื่องราว “ดราม่า 66” เริ่มขึ้นเมื่อเพจ ณ บ้านวรรณกรรม โพสต์ข้อความบนภาพแบล็คกราวด์หัวเราะน้ำตาเล็ด ระบุ “ศัตรูของนักสะสมหนังสือ คือ นักยืม ศัตรูของสำนักพิมพ์ คือ นักเช่า” ทำเอาชาวเน็ตที่เมื่อก่อนเป็นนักยืม / นักเช่า ก่อนกลายเป็นนักอ่านและนักสะสมหนังสือในปัจจุบัน แห่มาแสดงความเห็นอย่างล้นหลาม เรียกว่าทัวร์ลงก็ไม่ผิด พร้อมทั้งอยากให้สำนักพิมพ์พิจารณาคอนเทนต์ก่อนโพสต์ อาทิ
- คืออยากจะตะโกนบอก สนพ.ว่า ก่อนที่เราจะมีปัญญามาสะสมหนังสือ (ทั้งจากร้านมือสองหรือจาก สนพ.) เราก็คือ นักเช่า มาก่อนนะคะ พึ่งรู้ว่า เราเคยเป็น ศัตรู ของ สนพ. นะนี่ ไม่น่าอุดหนุนศัตรูเก่าเลยเรา 555
- ยังไงรบกวนสำนักพิมพ์พิจารณาคอนเทนต์ก่อนโพสต์หน่อยก็ดีค่ะ แอบตกใจเหมือนกันที่คอนเทนต์ที่ดูขาดการไตร่ตรองให้รอบด้านแบบนี้ถูกโพสต์จากสำนักพิมพ์ที่อยู่มานาน
- อยากจะถามสำนักพิมพ์และคนโพสต์คอนเทนต์นี้หน่อยค่ะว่า นักอ่านที่อยากสนับสนุนงานเขียนสักเรื่อง เขาต้องทำยังไงบ้างเหรอคะ ?
- แล้วเธอจะแรงเพื่อ ? นักเช่าในวันนั้นพอทำงานมีเงินซื้อเองก็เป็นลูกค้าในวันนี้
- เหงาแหละค่ะ ดูออก ทัวร์เลยมาลงแก้เหงา
- ก่อนจะมาเป็นนักสะสมหนังสือ หลายคนก็เป็น นักเช่า มาก่อน ตอนเป็นนักเรียนไม่มีรายได้ไม่มีใครมีเงินซื้อหนังสือมาอ่านได้เลยหรอก ก็ต้องเช่าต้องยืมห้องสมุดมาก่อนทั้งนั้น พอเป็นนักอ่านแล้วโตขึ้นถึงจะมีเงินมาถลุงให้สำนักพิมพ์
- เด็กวัยเริ่มอ่าน กี่คนจะซื้อเพชรพระอุมายกชุดในวันนั้นได้ ส่วนมากก็ยืมห้องสมุด ยืมเพื่อน เช่าอ่าน แล้วก็มาซื้อตอนโตทั้งนั้น เกือบ 30 ปีที่ผ่านมา สำนักพิมพ์ขายนิยายเรื่องนี้ไปได้กี่ชุดแล้ว ทั้งที่พิมพ์กี่ครั้งก็มีพิมพ์ผิด หน้าหาย พิมพ์ไม่ชัด ทำไมไม่คิดบ้างเลย
- เราก็เป็นนักเช่าค่ะ เช่าตั้งเล่มละ 1 – 2 บาท อ่านเล่มไหนแล้วชอบคือซื้อเก็บ เรากลายเป็นศัตรูของ สนพ. ไปได้ยังไง
- นักเช่า เป็นศัตรูของสำนักพิมพ์ ฟังดูแล้วเหมือนจะมีความคิดทางกำไรมากเกินไปนะคะ คนที่เช่าหนังสืออ่านคือคนที่มีเงินน้อยแต่รักการอ่าน ขนาดอยากอ่านหนังสือที่ตนเองชอบยังต้องเช่า คุณคิดว่าคนที่รักการอ่านเขาจะไม่อยากได้หนังสือมาครอบครองเป็นของตนเองเหรอคะ เปลี่ยนความคิดเป็นดีใจที่คนไทยรักการอ่านเถอะค่ะ เพราะสักวันหากเขามีเงินเหลือมากพอจะซื้อ คนที่รักการอ่านซื้อหนังสือมาสะสมแน่นอนค่ะ
- โพสต์ครั้งนี้แปลกนะคะ ตอนเราเป็นนักเรียน นักศึกษา เราก็เป็น นักเช่า ค่ะ และเป็น นักยืม จากห้องสมุดด้วย และถ้ามีเรื่องไหนที่ชอบ เราก็จะเก็บเงินตามไป ซื้อ ค่ะ จำได้ว่าเคยตามเก็บหนังสือหลายเล่มของนักเขียน สนพ.นี้ ไปจากการยืมอ่านก่อน ตอนนี้ จากบริบทนี้กลายเป็นศัตรู สนพ. ไปเฉยเลย
- อ่ะ เพิ่มให้ ศัตรูของนักสะสม คือ หนังสือไม่มีคุณภาพ ไม่ปรับปรุง ไม่พัฒนา ทำแบบเดิม ๆ ต่อไป เราก็คงเลิกสะสมของ สนพ. นั้น ๆ ค่ะ
- เป็นนักเช่ามาก่อนค่ะ ตอนเด็ก ๆ รายได้ไม่มาก ถ้าไม่มีร้านเช่าคงไม่ใช่นักอ่านอย่างทุกวันนี้ และเดี๋ยวนี้หนังสือที่ซื้อ ถ้าไม่ใช่นักเขียนที่ชื่นชอบ (จนมั่นใจในทุกเนื้อเรื่องที่ออกมาว่าจะตรงใจเราแน่ ๆ) ก็ซื้อเรื่องที่เคยเช่าอ่านแล้วชอบนี่แหละค่ะ ถ้าไม่เคยเช่ามาก่อนก็ไม่แน่ว่าจะมาซื้อสะสมอย่างทุกวันนี้มั้ย อาจไปสนใจอย่างอื่นแทนหนังสือก็ได้ อย่าทำร้ายใจนักเช่าเลยนะคะ ทุกวันนี้มันก็ไม่ค่อยมีร้านเช่าแล้วด้วย ไม่คุ้มหรอก นี่กำลังว่าจะเลือกซื้อสะสมที่เคยเช่าอ่านแล้วอีกสัก 2 – 3 เรื่อง เลยหมดอารมณ์เลย
- ลูกค้าคนแรกของ สนพ. ก็น่าจะเป็นเจ้าของร้านเช่านี่แหล่ะที่ซื้อทุกเรื่องซื้อทุกเล่ม ในขณะที่คนสะสมหนังสือบางคนยังไม่ซื้อเท่านี้เลย นี่รู้จัก สนพ. ก็เพราะร้านเช่านี่แหล่ะค่ะ ได้โฆษณา สนพ. ฟรี ๆ แบบไม่เสียซักบาท เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย
- ถึงแอดมินอาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เราในฐานะที่เป็นนักอ่านก็สะดุดกับโพสต์นี้ของสำนักพิมพ์อยู่นะคะ และในฐานะที่เราเคยเปิดร้านเช่าหนังสือมาก่อน (เมื่อ 15 – 16 ปีที่แล้ว) คิดว่าเมื่อก่อนหนังสือน่าจะขายดี ยอดพิมพ์แต่ละเรื่องน่าจะเยอะกว่าปัจจุบันนี้ ก็เพราะมีร้านเช่าเยอะนี่แหละค่ะ ถามจริงใครจะมีปัญญาซื้อหนังสือมาอ่านได้ทุกเรื่องทุกเล่ม ส่วนตัวเราคิดว่าร้านหนังสือเช่า (หรือผู้ให้เช่า) คือส่วนหนึ่งของผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สำนักพิมพ์นะคะ ตอนนี้ร้านหนังสือเช่าปิดตัวเลิกทำไปเยอะมาก ๆ เราว่าจุดนี้ก็มีส่วนที่ทำให้สำนักพิมพ์ขายหนังสือได้น้อยลงนะ พอยอดขายน้อยราคาหนังสือก็ต้องพุ่งขึ้นเพราะต้นทุนสูง ตอนนี้นักอ่านก็เลยต้องซื้อหนังสือราคาแพงกว่าเมื่อก่อนมากนี่ไงล่ะคะ
- ก่อนโพสต์ทบทวนคอนเทนต์ดีแล้วใช่มั้ยคะ ว่าจะทำให้เกิดภาพลักษณ์และภาพจำในเชิงบวกต่อบริษัท คุณกำลังชี้หน้าคนที่เช่าอ่าน และรวมถึงคนที่ยืมหนังสือห้องสมุดอ่านว่าเป็นศัตรูนะคะ
- เราตามเก็บงานของคุณลุงพนมเทียน ทมยันตรี แล้วนิยายหลายเล่มก็เพราะจุดเริ่มต้นจากการยืมห้องสมุดนี้แหละ ขออนุญาต ถอนหายใจจากโพสต์นี้นะคะ
- เป็นคอนเทนต์ที่อ่านแล้วเอ๊ะมากเลยค่ะ นักยืมและนักเช่าในวันนั้นคือนักซื้อและนักดองในวันนี้ค่ะ เพราะแต่ก่อนยังเรียนอยู่ไม่สามารถใช้เงินไปกับของราคาแพงนอกเหนือจากหนังสือเรียนได้ แต่พอทำงานมีเงินแล้วก็ตามไปซื้อเรื่องที่เคยอ่านแล้วประทับใจมาสะสมไว้หมดนะคะ ต้องยอมรับนะว่าหนังสือบ้านเราราคาแพงไม่ใช่ทุกคนจะเข้าถึงได้ แถมไม่ใช่ทุกเล่มจะมีคุณภาพมากพอให้เสียเงินซื้อด้วย
เรียกว่าคอมเมนต์ “ดราม่า 66” นั้นร้อนแรงมากเลยทีเดียว ทั้งที่อธิบายแสดงความคิดเห็นและตำหนิจำนวนมาก
- คนรักการอ่านที่ไม่มีเงินซื้อหนังสือ ต้องยืมอ่าน ต้องเช่าอ่าน กลายเป็นศัตรูไปซะงั้น ตรรกะก็เนอะ เงียบไม่มีใครว่าใบ้ ในหนังสือเขาเขียนไว้ อ่านซะหน่อยก็จะรู้ว่าจริง
- ดิฉันคือ 1 ในศัตรูค่ะ ขอบคุณสำหรับคอนเทนต์เปิดโลกของ สนพ. นี้
- ทำคอนเทนต์เรียกทัวร์แบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ คนเคยเช่าเพราะอ่านมาตั้งแต่เด็กงานยังไม่ได้ทำแต่ชอบอ่าน หลังจากทำงานมีเงินก็เริ่มสะสม บางเล่มของ สนพ.นี้คือซื้อใหม่หลังจากเรื่องเก่าอ่านจนช้ำ
- ทัศนะแอดมินคือทุนนิยมทุนนิยมแบนราบมากค่ะ
- คนอ่านเราคิดว่าน่าจะเกิน 70% รู้จัก สนพ. ก็เพราะร้านเช่านี้แหละ และลูกค้ากลุ่มแรกของ สนพ. ก็น่าจะเป็นร้านเช่า คิดมาดีแล้วใช่ไหมที่โพสต์แบบนี้
ขณะที่ ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ระบุว่า สองบรรทัดนี้คือวรรคทองในนิยายเรื่อง มงกุฎหนาม ของ ทมยันตี ที่เหมือนเป็นการระบายความในใจของตัวละครเอกชื่อ ปวลี ที่เคยถูกเพื่อนยืมหนังสือแล้วไม่คืนแม้แต่เล่มเดียว ส่วนศัตรูของสำนักพิมพ์คือนักเช่าก็ถูกแล้ว เพราะผลประโยชน์ของคนขายหนังสือมันได้น้อยลง จริง ๆ ที่ถูกต้องกว่า ก็คือนักเช่ากับร้านเช่า แต่ที่ไม่ใช้คำว่า ร้านเช่า เพราะผู้เขียนจงใจเล่นคำ นักยืม/นักเช่า
ล่าสุด จากการตรวจสอบของ TOP News พบว่าโพสต์ดังกล่าวได้นั้น เนื้อหานี้ไม่พร้อมใช้งานในขณะนี้ เหตุการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นเนื่องจากเจ้าของแชร์เนื้อหากับคนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น หรือเปลี่ยนกลุ่มคนที่สามารถดูได้ หรือเนื้อหาถูกลบไปแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง