วันที่ 5 ส.ค. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเยาวชนปลดแอก และกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย นัดชุมนุมที่บริเวณพระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 7 ส.ค. ว่า การนัดชุมนุมบริเวณสถานที่ดังกล่าวเป็นการกระทำที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่มีการชุมนุมมาในบ้านเรา เพราะไม่เคยมีการชุมนุมอะไรที่จะไปเกี่ยวข้องกับสถาบันเหมือนกับการชุมนุมของคนกลุ่มนี้ ที่ไม่ใช่การชุมนุมตามสิทธิรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ต้องการเผยแพร่ความคิดของตัวเองโดยไม่ยอมทำตามกฎหมาย แถมยังสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน และยังทำลายทรัพย์สินต่างๆ มีการพกพาอาวุธ ใส่ร้ายป้ายสี ใช้ความรุนแรง ตนขอฝากบอกนายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นทนายความ และคนที่สอนกฎหมายนายอานนท์ว่าสอนลูกศิษย์อย่างไร ไม่รู้จักคำว่าสันติอหิงสา ไม่รู้จักเรื่องสิทธิมนุษยชน ไม่รู้กฎหมาย รวมทั้งยังใช้ความรุนแรง พกพาอาวุธ ทั้งที่ตอนนี้ยังมีการบังคับใช้พ.ร.บ.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรค มีวิกฤตโควิดและเศรษฐกิจ ซึ่งตนมั่นใจว่าการชุมนุมแต่ละครั้งมีการแพร่ระบาดเชื้อโควิดแน่นอน
เมื่อถามว่า การชุมนุมแต่ละครั้ง เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวแกนนำ มักจะมีส.ส.บางพรรคที่หน้าเดิมๆไปประกันตัว เหมือนเป็นการให้ท้ายคนทำผิด นายสิระ กล่าวว่า ตนมองว่าควรยกเลิกเอกสิทธิ์ส.ส.และส.ว.เรื่องการประกันตัวตนเองและบุคคลอื่น เพราะส.ส.และส.ว.ถือเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้นอะไรที่ผิดกฎหมายก็ไม่ควรให้มีการใช้เอกสิทธิ์ดังกล่าวไม่ว่าจะคดีใดๆ ควรจะใช้หลักทรัพย์ส่วนตัวมากกว่า ตนจึงขอเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาตัดเรื่องเอกสิทธิ์นี้ออกไป เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ส.ส.ไม่ควรเหนือกว่าประชาชน
เมื่อถามว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือฝ่ายความมั่นคงไม่ออกมาห้ามปรามไม่ให้มีการชุมนุมในวันที่ 7 ส.ค. นายสิระ กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ควรให้เกิดการชุมนุมขึ้น ทั้งนี้ทราบว่านายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน มีหมายจับแล้วจากการชุมนุมที่บริเวณหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา และในวันพรุ่งนี้ (6 ส.ค.) ตนพร้อมทีมกฎหมายจะไปยื่นเรื่องต่อศาลอาญา เพื่อขอให้ถอนการประกันตัวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว เพราะไม่มีความหลาบจำ ทั้งที่ศาลให้โอกาสและให้อิสระ แต่ยังทำผิดซ้ำซากเดิมๆ ไปสาดสีโวยวาย ทำลายทรัพย์สินราชการ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย แบบนี้อยู่กับคนปกติไม่ได้ ควรไปอยู่ในที่ๆคนไม่ปกติเขาอยู่กัน
เมื่อถามว่า หากแกนนำถูกจับกุมตัวก่อน จะทำให้การชุมนุมในวันที่ 7 ส.ค.ไร้แกนนำและไม่มีแบบแผนจนทำให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า ตนขอฝากเตือนผู้ปกครองของเด็กๆให้ช่วยดูแลด้วย เพราะแต่ละคนมีสิทธิของตนเองก็จริงแต่ไม่สามารถไปละเมิดกฎหมายได้ และจะทำให้เด็กมีคดีติดตัว ซึ่งการอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็มีระบบรัฐสภาอยู่ สามารถเสนอตามขั้นตอนกฎหมายได้ ประเทศเราจะยอมให้คนไม่กี่คนที่มีพฤติกรรมเถื่อน ถ่อย มาเปลี่ยนแปลงประเทศหรือเปลี่ยนแปลงผู้นำได้หรือ เพราะคนในประเทศก็เห็นอยู่ว่ามีแต่คนหน้าเดิมๆ ก่อความวุ่นวาย เพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ส่วนที่มีส.ส.ไปร่วมชุมนุม แต่กลับอ้างว่าไปสังเกตการณ์ชุมนุมนั้นทำไม่ได้ เพราะการไปสังเกตการณ์โดยอ้างว่าเป็นกรรมาธิการจะต้องได้รับการมอบหมายและผ่านการลงมติจากกรรมาธิการก่อนจึงจะสามารถไปร่วมสังเกตการณ์ได้ ที่ผ่านมาล้วนแต่มีไปส่วนตัว เพราะไม่มีใครมอบหมาย รวมถึงตนเป็นประธานกมธ.การกฎหมายฯ ก็ไม่เคยมอบหมายให้ใครไป อย่างไรก็ตามตนมีหลักฐานครบหมดว่ามีส.ส.คนใดไปร่วมชุมนุมบ้าง อาทิ เตี้ยหลังม็อบและลูกครึ่งหลังม็อบ ทำปลอมตัวใส่หมวกคุมเหมือนหนังไทย คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกเป็นพระเอก คนจะจำไม่ได้ ซึ่งตนพร้อมทีมกฎหมายจะไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีในสัปดาห์หน้าที่สน.นางเลิ้งด้วย
นายสิระ กล่าวว่า นอกจากนี้ตนขอให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. หยุดเกาะกระแส และใช้เด็กเป็นเครื่องมือ เพราะเด็กไม่สนใจและไม่ให้ราคา ตอนนี้คนละยุคคนละสมัย หากนายณัฐวุฒิเข้ามาร่วมชุมนุมด้วยจะทำให้ความชอบธรรมในข้อเรียกร้องของเด็กๆหมดไป เพราะนายณัฐวุฒิเคยยุยงให้เกิดการเผาบ้านเผาเมือง จะกลายเป็นจุดอ่อนให้ม็อบสามกีบ ดังนั้นขอใหนายณัฐวุฒิที่ตอนนี้กินหรูอยู่สบายเอาเงินตัวเองมาชดใช้ให้กับผู้ที่เสียหายจากเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองด้วย เพราะเขารอการชดใช้อยู่ ส่วนนายณัฐวุฒิเองก็ต้องชดใช้กรรม