กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันทีในช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา หลังทนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภาคนดัง ออกมาปูดข่าวแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ที่จะส่งลงชิงชัยในการเลือกตั้งเที่ยวหน้าที่จะเกิเดขึ้นในเวลาอันใกล้ ไม่ได้เป็นสาวชื่อ ” อ.” ที่ชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หรือ “ศ.” หนุ่มใหญ่นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เนื้อหอม อย่างเศรษฐา ทวีสิน บิ๊กบอสค่ายแสนสิริ หากแต่เป็นนักการเมืองร่างใหญ่ที่ชื่อ ส. ผู้มีบารมีมากมายหลายวงการ ระบุด้วยว่า อีกเรื่อง ” อยากจะบอกว่าแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทยทั้งอุ๊งอิ๊งและเศรษฐา เวลานี้อาจไม่ใช่เวลาของทั้งสองคน เอาไว้โฆษณาประชาสัมพันธ์ เอาไว้สลับสับขาหลอกก็พอได้ แต่ถ้าจะเอาเป็นนายกฯตัวจริง อย่ามองกันในเฉพาะพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ต้องมองถึงเสียงทั้งหมดในสภาว่า เขาเอาด้วยหรือไม่ เวลานี้และสถานการณ์นี้อาจไม่ใช่ของอุ๊งอิ๊งและเศรษฐา เขายังไม่ถึงเวลา และทุกคนที่ประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯนั้นก็เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด แท้ที่จริงก็ใช่ว่าจะเป็นนายกฯทุกคน โดยเฉพาะอักษรย่อว่า อ. หรือ พ. หรือ ศ. ในช่วงที่ราหูและมฤตยูยังมีอิทธิพล ไม่เป็นมงคลกับดวงเมืองนัก ยังไปไม่ถึงดวงดาว และมีข่าวว่าเพื่อไทยจะเสนอแคนดิเดตนายกตัวจริงเสียงจริงคือคนที่ชื่อ ส. ตัวใหญ่ เห็นเขาว่าเข้าได้กับทุกคนรอบทิศทั้งซ้ายขวาหน้าหลังล่างบน ส่วนอุ๊งอิ๊งก็เป็นเวลาให้นมลูกอยู่กับคุณตาไปพลางก่อน หรือจะไปสะเดาะเคราะห์ที่วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชันบ้างก็ดีนะ” ทนายวันชัยระบุ
ช่วงเวลาที่สังคมกับงุนงงแบละพยายามหา “คำตอบ” ว่าใครคือ ส. ปริศนา ที่ทนายวันชัยออกมาจุดพลุถึงในเรื่องนี้ “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ก็ได้ออกมาเฉลยตัวละครลับตัวละครปริศนากลางรายการเฟซบุ๊กไลฟ์ในรายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “สุดโต่ง” โดยออกมาเฉลยว่า ตัวจริงเสียงจริงคือคนที่ชื่อ ส. ตัวใหญ่ คืออดีตนักการเมืองดังข้างกายทักษิณ ชินวัตร นั้นเอง ” ถ้าพูดตามตรงก็คือนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย โดยมีชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นปรากฎการณ์ตามลำดับ ซึ่งเรื่องนี้อยากเล่าย้อนให้ฟังว่า เคยมีโอกาสคุยกับบุคคลหนึ่งที่เคยเป็นหัวหน้าของนายสุรเกียรติ์ และนายสมคิด โดยบุคคลดังกล่าวเล่าให้ฟังว่า คนสองคนวันนึงถามว่า ถ้าให้นายสมคิดปีนต้อนมะมวงของข้างบ้าน และถ้าไปเจอมดแดง นายสมคิดจะถอยหนีทันที กล่าวคือถ้าเจอปัญหาจะถอยทันที แต่ถ้าเป็นนายสุรเกียรติ์ต่อให้มีมดแดงกูก็จะทำ” อดีตประธานนปช. หยิบชื่อนักการเมือง ส. ปริศนาข้างกายทักษิณ ชินวัตร เมื่อหลายปีก่อนตอนเป็นนายกฯ ทั้งสุรเกียรติ์ และ สมคิด มาเจียระไน
อดีตทั้งสอง ส. คือมือทำงานคนสำคัญข้างกายทักษิณ สุรเกียรติ์เกิด ๗ มิ.ย. ๒๕๐๑ ปัจจุบันอายุ ๖๕ ปี อดีตเคยเป็นรมว.ต่างประเทศ ๑๔ ก.พ.๒๕๔๔ – ๑๑ มี.ค.๒๕๔๘ ก่อนขยับเป็นรองนายกฯตั้งแต่ ๑๑ มี.ค.๒๕๔๘ จนถูกรัฐประหารพร้อมทักษิณในวันที่ ๑๙ ก.ย. ๒๕๔๙ ด้านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เกิด ๑๕ ก.ค. ๒๔๙๖ อดีตเคยเป็นรองนายกฯสมัยทักษิณ ถึง ๓ ครั้ง แถมยังนั่งเป็นขุนคลังและรมว.พาณิชย์ด้วย ๒ คนคือ ส. ที่ทำงานใกล้ชิดทักษิณช่วงมีอำนาจสุดๆ แต่ไม่วายก็ถูกทักษิณหมั่นไส้ไม่ไว้วางใจ ในรายสมคิดนั้นหนักหน่อย เพราะถูกคนชั่วใกล้ตัวทักษิณเพ็จทูลเป่าหูว่าหวังเป็นใหญ่ต้องการชิงเก้าอี้นายกฯ ทักษิณแม้ฉลาดเป็นกรดหาตัวจับยากแต่ก็ขึ้นชื่อเรื่องหูเบาเป็นสำลี ขี้ระแวงไม่ค่อยเชื่อใจใครแบบสุดๆ หลังได้ข้อมูลผิดเรื่องนี้ก็เขี่ยสมคิดออกและผูกใจเจ็บเฮียกวงเรื่อยมาทั้งๆที่สมคิดอุต่ส่าห์ทุ่มเทแรงกายแรงใจสารพัดทำงานให้กับทักษิณอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็โดนข้อครหา “ทรยศคิดการใหญ่” สุรเกียรติ์อาจดีหน่อยเพราะทักษิณไว้ใจจนสุดทาง แต่สุดท้ายก็โดนปฏิวัติ ๑๙ ก.ย. ๒๕๔๙ ไปพร้อมๆกับทักษิณนั้นแหละ ทำไมจู่ๆ ชื่อของสุรเกียรติ์จึงทะลุกลางปล้อง โผล่พรวดขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย (พท.) อยู่กลางใจของทักษิณได้ ชนิดที่แรงกว่าอุ๊งอิ๊งกับเศรษฐาที่เปิดชื่อมาก่อนกาล ทั้งๆที่ไม่เคยมีการพูดถึงชื่อนี้มาก่อนเลย เฉลยที่มาที่ไปให้ชัดก็ต้องไปดูว่าสุรเกียรติ์เป็นใคร มีที่มาที่ไปจากไหน สุรเกียรติ์สมรสกับท่านผู้หญิง ดร.สุธาวัลย์ เสถียรไทย ธิดาท่านผู้หญิงหม่อมราชวงศ์บุษบา (กิติยากร) สธนพงศ์ พระขนิษฐาในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อธิบายแค่นี้คอการเมืองก็คงพอปะติดปะต่อได้ว่าสุรเกียรติ์มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับสถาบัน ใครตามการเมืองมานานก็พอจะทราบเรื่องนี้ดี เพราะชื่อของสุรเกียรติ์เวียนวนอยู่กับการมีลุ้นเป็นนายกฯอยู่บ่อยครั้งหลายยุคหลายสมัย เฉี่ยวไปเฉียดมาไม่ถึงฝั่งฟันเสียทีทั้งๆที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพ
มารอบนี้ถ้าเป็นจริงอย่างที่ทนายวันชัยปูดอย่างที่จตุพรออกมาแฉ สุรเกียรติ์ก็คงมีลุ้นเป็นนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งมากที่สุดในรอบหลายปี อยากที่อธิบายไปข้างต้นพท.ฝ่ายทักษิณอยากเอาสุรเกียรติ์มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพราะหวังคอนเนกชั่นวังเชื่อมั่ยว่าถ้าเอาสุรเกียรติ์มาเป็นหัวได้ โอกาสจะได้ใบเบิกทางได้วีซากลับบ้านแบบเท่ห์ๆ ตามที่ประกาศไว้ก็คงทำได้ไม่ยาก ทักษิณวางตัวสุรเกียรติ์เดิมพันชิงนายกฯ คงหวังสูงอยากกลับไทยแบบสุดๆในเที่ยวนี้ ความจริงสูตรสำเร็จนี้คนรู้สันดานทักษิณฝ่ายพท.จะทราบดี เพราะเคยใช้ในการเลือกตั้งมาหนนึงแล้ว ย้อนกลับไปการเลือกตั้งคราวที่แล้ว ตอนนั้นทักษิณก็เล่นของสูงเพราะทำเรื่องมิบังควรโดยใช้ยุทธศาสตร์แตกแบงค์พันเป็นแบงค์ร้อย ให้พวกแถว ๒ แถว ๓ พวกสายเลือดใหม่ในพรรคนำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช มิตติ ติยะไพรัช ฯลฯ ตั้งพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) พร้อมกราบบังคับทูลเชิญทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดีมาเป็นนายกรัฐมนตรีให้กับพรรค ๘ ก.พ.๒๕๖๒ แกนนำทสช.นำพระนามทูลฯกระหม่อมไปยื่นสมัครกับกกต. ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากคนไทยทั้งประเทศว่า “ไม่บังควร” “ไม่สมควร” เสมือนเป็นการ “ดึงฟ้าต่ำ” ช่วงดึกคืนวันเดียวกันเกือบห้าทุ่มฟ้าก็ผ่าลงมาที่ทำการพรรคทษช. หลังมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศ สถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สาระสำคัญตอนหนึ่งความว่า ” การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง” ถัดจากนั้นมากกกต.ก็ยื่นยุบทษช. ก่อนที่ ๗ มี.ค.๒๕๖๒ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุบทษช.พร้อมตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง จดทะเบียนจัดตั้งพรรคใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองเป็นเวลา ๑๐ ปี
จะเห็นว่าสูตรสร้างความสัมพันธ์กับวังวางคอนเนกชั่นกับสถาบัน เป็นโมเดลที่ทักษิณพยายามทำมาตลอด รอบก่อนทษช.ถูกยุบพรรคลูกหลายถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปสิบปี มารอบนี้ทักษิณก็ยังไม่เข็ดกะใช้แผนมาเหนือเมฆใช้แผนขอมดำดิน เปิดชื่ออุ๊งอิ๊งกับเศรษฐามาแต่เนิ่นๆ แต่พอถึงเวลาจริงก็น็อคมืดเอาชื่อสุรเกียรติ์ขึ้นมาเป็นแคนดิเดตชิงดำโค้งสุดท้ายอีกแล้ว คงติดใจสูตร “ลับ ลวง พราง” ที่ตัวเองเคยถูกบิ๊กบังปฏิวัติ หลายปีก่อนก็เอาน้องสาวอย่างยิ่งลักษณ์หาเสียง ๔๙ วันแล้วได้เป็นนายกฯหญิงประวัติศาสตร์ มารอบนี้ก็จะส่งสุรเกียรติ์ ที่มีคุณสมบัติครบเครื่อง ทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ ประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ ที่สำคัญคือ คอนเนกชั่นกับสถาบัน มาตัดหน้าพี่น้อง ๒ ป. อย่าง “ลุงป้อม-บิ๊กตู่” อีก ทักษิณอยากได้สุรเกียรติ์แน่ ตอนนี้ก็อยู่ที่เจ้าตัวจะยอมตกเป็น “หุ่นเชิด” ให้กับทักษิณให้คอกพท.ไหม เพราะตัวอย่างและบทเรียนในอดีตก็มีให้เห็นแล้ว ว่าทักษิณเป็นคน “เลือดเย็น” ยังไงกับคนใกล้ชิดรอบตัวที่พลีกายถวายหัวให้ ไล่เรียงไปยาวเป็นหางว่าว สมัคร เนวิน สมคิด สุดารัตน์ บุญทรง ภูมิ แรมโบ้ จตุพร ฯลฯ ทุกคนทราบถึงความเขี้ยวรากอำมหิตของทักษิณและคนในตระกูล “ชินวัตร” เป็นอย่างดี
” อยากให้นายสุรเกียรติ์ย้อนดูปรากฎการณ์ไทยรักษาชาติที่หลอกคนอื่นในเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้ก็มาคิดแบบเดิม แต่เชื่อว่านายสุรเกียรติ์ต้องนำบทเรียนของนายสมัคร มาย้อนดู นายสมัครถูกหลอกให้เดินทางไปรัฐสภา แต่ในความเป็นจริงทั้งสภาไม่เอานายสมัครแล้ว วันนั้นได้มีโอกาสเดินทางไปส่งนายสมัครจึงได้เห็นแววตาสิ้นหวัง เหมือนที่ตนเป็นอยู่ในเวลานี้ ตอนนั้นเข้าใจถึงความขื่นขมของนายสมัคร และเมื่อนายสมัครป่วยยิ่งทำให้ใจสลาย …..ความเป็นจริงถ้านายสมัครยังไม่ถูกหักหลังอาจเป็นนายกฯต่อไปได้ แต่มีเรื่องอยากเตือนคือคดีรถเรือดดับเพลิงที่เมีย ลูก ของนายสมัครโดนพิพากษายึดทรัพย์ แม้ว่านายสมัครตายไปแล้ว ดังนั้นนายสุรเกียรติน่าจะดูเรื่องนี้เป็นบทเรียน ตอนนี้นายสุรเกียรติ์กล้าไปเอามะม่วงหรือไม่ ถ้าจะเอามะม่วงก็ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ผมเชื่อว่า นายสุรเกียติ ไม่กล้า เพราะเป็นเกมที่เสี่ยง เพราะหากสุรเกียรติ์นั่งนายกฯย่อมรู้ดีว่า ไม่ใช่นายกฯตัวจริง เพราะจะมีนายกฯรัฐมนโท และสุดท้ายชีวิตอาจจบแบบนายสมัคร หรือรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ที่ต้องติดคุกโดยยึดทรัพย์” จตุพรเบิกเนตรให้สุรเกียรติ์และคนไทยคิดตามยาวๆ ทักษิณเป็นเหมือนที่จตุพรพูดจริงๆ กี่ปีไม่เคยเปลี่ยน ไม่ได้เป็นนักประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ แต่คือพ่อค้าที่คิดแต่เรื่องกำไรและขาดทุน หากข่าวดึงสุรเกียรติ์มาเป็นแคนดิเดตนายกฯของพท.เป็นจริง หลักใหญ่ใจความของเรื่องนี้ ไม่ได้ทำเพื่อพี่น้องประชาชน ไม่ได้ตอบโจทย์ปากท้องให้กับคนเสื้อแดง แต่สนองตัณหาความต้องการกลับบ้านของโทนี่ล้วนๆ
///////////////////