วันนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน และอดีตแกนนำนปช. กล่าวในรายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “วิปโยค” โดยนายจตุพร ระบุตอนหนึ่งว่า การกลับประเทศของจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นชนวนนำไปสู่การชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 19 และกรณีนายทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน สองเรื่องนี้ประวัติศาสตร์และความเป็นมาอาจจะคนเละเรื่องราว แต่ชนวนที่มันกำลังจะเกิด มันกำลังจะถูกสร้างให้เป็นเรื่องเดียวกัน แม้คนละเวลา แต่ปลายทางกำลังจะเหมือนกัน เป็นการย้อนรอยประวัติศาสตร์ ซึ่งครั้งนี้คนจำนวนมากทุกแวดวงที่เคยฟังเรื่องนายทักษิณกลับบ้านก็ไม่มีใครเชื่อ แต่ครั้งนี้คนเชื่อว่าจะกลับ และเชื่อถึงขั้นว่า 2-3 วันก่อนการเลือกตั้งก็จะกลับมา เพื่อให้มีผลต่อแลนด์สไลด์ ซึ่งเป็นการคิดทางการตลาดที่คุ้มค่า แต่ว่าผลลัพธ์มันอาจจะเป็นคนละเรื่องกัน ผลลัพธ์ไม่ว่าจะได้ 377 เสียง เหมือนปี 48 จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ทำให้ฝ่ายค้านมีเสียงไม่พอที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในเรื่องทุจริตได้ สามารถอภิปรายได้เพียงเรื่องบริหารล้มเหลวได้เท่านั้น ซึ่งเมื่อกลไกการตรวจสอบเกิดขึ้นไม่ได้ ทำให้ในทางการเมืองรู้ว่าสู้ในกระดานนี้ไม่ได้แล้ว เป็นการบีบให้ประชาชนลงท้องถนน แทนที่จะใช้รูระบายให้มีการตรวจสอบในเวทีรัฐสภาอย่างตรงไปตรงมา
จัดหนักต่อเนื่อง “จตุพร” ขยี้ “ทักษิณ” ระวังซ้ำรอยจอมพลถนอมกลับบ้าน
ข่าวที่น่าสนใจ
นายจุตพร กล่าวอีกว่า ทฤษฏีในการที่จะทำให้เสียงเป็นจำนวนมาก คือการควบรวมหรือการย้ายเข้ามาพรรคไทยรักไทยคือ ปี 2544 กลุ่มนายเสนาะขนทัพใหญ่วังน้ำเย็นเข้ามา สารพัดบ้านใหญ่ย้ายเข้ามา เลือกตั้งปี 2544 ได้มา 248 เสียง จึงใช้วิธีพรรคเสรีธรรมยุบพรรคเข้ามาควบรวม เพื่อให้ได้เสียงเกินครึ่ง ต่อมาก็ควบรวมกับพรรคความหวังใหม่ จากนั้นก็เดินเรื่องทุจริตคลองด่าน เพื่อบีบให้พรรคชาติพัฒนาเข้ามาควบรวม วิธีการเหล่านี้ทำให้ปี 2548 เกิดปรากฏการณ์ได้เสียงส.ส. 377 เสียง ไม่ใช่อยู่ดีๆแล้วจะชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ แต่มันคือการบริหารจัดการควบรวมทางการเมืองทุกชนิดอย่างเบ็ดเสร็จ เป็นต้นฉบับของคำว่า ดูด คนเราพอมันใช้อำนาจมาก หูจะเริ่มไม่ทำงาน ปากทำงาน หลายเรื่องก็ทำด้วยความมั่นใจไม่ว่าจะเหตุการณ์กรือเซะ ตากใบ หรือสงครามยาเสพติด จากนั้นสถานการณ์ก็ลุกลามจนกระทั่งถูกยึดอำนาจอย่างง่ายดาย ตนเล่าเรื่องนี้เพื่อเตือนสติว่า การคิดอะไรที่ต้องการชนะเกิน เอารัดเอาเปรียบ การออกแบบการควบรวมโดยใช้วิธีสารพัด ประสบความสำเร็จ แต่ไม่ยั่งยืน
นายจตุพร แฉอีกว่า หลังการเลือกตั้งปี 54 ที่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง เป็นผลพวงมาจากการต่อสู้ของประชาชน ที่สู้จริง ตายจริง เจ็บจริง ทันทีที่ได้อำนาจมา สิ่งที่เราอยากเห็นคือประชาชนเป็นใหญ่ เพราะทำให้พรรคเพื่อไทยชนะแบบม้วนเดียวจบ แต่ตนไปเจอนายทักษิณที่ต่างประเทศแวดล้อมไปด้วยกลุ่มทุนที่พี่น้องเสื้อแดงขับไล่อยู่ไหนประเทศไทย ที่เรียกว่าทุนอำมาตย์ บรรดานักการเมืองที่เราวิวาทในประเทศไทย ก็ไปเจออยู่กับนายทักษิณ บรรดานักวิชาการนักเคลื่อนไหวที่เราฟาดฟันกันในประเทศไทย ก็ไปเจอว่าอยู่กับนายทักษิณ ส่วนในประเทศคนที่ใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีคือผบ.ทบ. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งก็มีส่วนสำคัญในการปราบปรามประชาชนปี 53 ตนอยู่ไปอยู่มากลายเป็นคนนอก ฉะนั้นเราอยู่ท่ามกลางความกล้ำกลืน ฝืนทน นอกจากนี้ตนตั้งคำถามตลอดว่า ตอนสุดซอยและช่วงการยึดอำนาจพฤษภา 57 ใครไปอยู่กับนายทักษิณ ช่วยอธิบายมาหน่อย โกหกก็ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง