บินไทยเจ๊ง “ระบอบทักษิณ” ผลาญซื้อแสนๆล้าน

บินไทยเจ๊ง "ระบอบทักษิณ" ผลาญซื้อแสนๆล้าน

จากตัวเลขขาดทุนต่อเนื่องของบมจ.การบินไทย อันเป็นผลสำคัญประการหนึ่ง จากนโยบายการจัดซื้อฝูงบิน แอร์บัส แบบ A340-500 และแบบ A340-600 โดยการประมาณของคณะกรรมการตรวจสอบ ชุดที่มี พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ทำหน้าที่เป็นประธาน ตั้งแต่ปี 2563 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 68,271.53 ล้านบาท

สิ่งที่พบจากการสืบค้นเพิ่มเติมก็คือ ฝูงบินจัดซื้อใหม่ในรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้มีเพียง แอร์บัส แบบ A340-500 และแบบ A340-600 จำนวน 10 ลำ เท่านั้น

และประเด็นสำคัญคือ ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศในช่วงแรก ถึงขั้นยอมรับว่าผลประกอบการของบมจ.การบินไทย มีปัญหาอย่างหนัก ดังนั้นรัฐบาลยืนยันจะไม่ยอมให้สายการบินแห่งชาติถึงขั้นเกิดวิกฤต ด้วยการเข้าไปช่วยเหลือทางการเงิน

รวมถึงมีความจำเป็นต้องตัดลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อทำให้มีรายได้มากขึ้น โดยเฉพาะการขายเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้งาน เนื่องจากที่ผ่านมาบมจ.การบินไทยทำการยกเครื่องฝูงบินใหม่ ด้วยการสั่งซื้อเครื่องบินมาตลอดใน 4 ปีที่ผ่านมา และยังคงมีสัญญาการรับเครื่องบินใหม่ต่อเนื่องยาวไปจนถึงปี 2018 ที่คาดว่าจะมีจำนวนเครื่องบินใหม่ทั้งหมดถึง 62 ลำ ภายในปี 2561 ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้บมจ.การบินไทยมีตัวเลขขาดทุนอย่างหนักต่อเนื่อง

 

และจากการสืบค้น ยังพบข้อมูลบางส่วน ในช่วงรัฐบาลทักษิณ หรือ ระยะเวลาปี 2545-2546 มีแนวคิดว่าด้วยแผนจัดซื้อเครื่องบินให้กับบมจ.การบินไทย จำนวนมากถึง 81 ลำ ประกอบด้วย

1.โบอิ้ง 777-300 จำนวน 6 ลำ
2.โบอิ้ง 747-400 จำนวน 16 ลำ
3.โบอิ้ง 777-200 จำนวน 8 ลำ
4.แอร์บัส A330-300 จำนวน 12 ลำ
5.โบอิ้ง 737-400 จำนวน 10 ลำ

 

6.แอร์บัส A300-600 จำนวน 21 ลำ
7.เอทีอาร์ -72 จำนวน 2 ลำ
8.โบอิ้ง 747-300 จำนวน 2 ลำ
9.เอ็มดี -11 จำนวน 4 ลำ

 

 

และในช่วงปี 2546-2547 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นนโยบายการบินเสรี รัฐบาลทักษิณได้ทยอยสั่งซื้อเครื่องบินตามแผน แยกเป็นมติครม.เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2546 เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอโครงการจัดหาเครื่องบินตามแผนวิสาหกิจปี2545/2546-2549/2550 โดยให้ บมจ. การบินไทย จัดหาเครื่องบินเพิ่มเติมจำนวน 15 ลำ ในวงเงินลงทุนรวม 58,324 ล้านบาท ประกอบด้วย

1. เครื่องบินแบบ B747-400 (ประเภทใช้แล้วของยูไนเต็ดแอร์ไลน์ จำนวน 7 ลำ)
2.เครื่องบินแบบ A340-500 จำนวน 3 ลำ
3.เครื่องบินแบบ A340-600 จำนวน 5 ลำ

 

 

จากนั้นในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2547 ได้อนุมัติให้ บมจ.การบินไทย ดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินตามแผนวิสาหกิจปี พ.ศ. 2548/2549-2552/2553 อีกจำนวน 14 ลำ วงเงินลงทุนรวม 96,355 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.เครื่องบินแบบ Airbus A380 จำนวน 6 ลำ
2.เครื่องบินแบบ Airbus A 340-500 จำนวน 1 ลำ
3.เครื่องบินแบบ Airbus A 340-600 จำนวน 1 ลำ
4.เครื่องบิน โบอิ้ง 777 200-ER จำนวน 6 ลำ

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

สรุปรวมในช่วงรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร เฉพาะแค่เดือน ส.ค. 2546 – พ.ย. 2547 ได้ร่วมกันเห็นชอบการจัดซื้อเครื่องบินจำนวนถึง 29 ลำ มูลค่ารวม 154,679 ล้านบาท ซึ่งก็รวมถึง แอร์บัส แบบ A340-500 และแบบ A340-600 จำนวน 10 ลำ

พร้อมข้อมูลประกอบว่า ในช่วงเวลาที่มีการอนุมัติจัดซื้อทั้ง 29 ลำ ดังกล่าวนั้น ผู้นำทำหน้าที่เป็นประธานบอร์ด บมจ.การบินไทย ในขณะนั้น คือ นายทนง พิทยะ ส่วนผู้ทำหน้าที่เป็น กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือ ดีดี บมจ.การบินไทย คือ นายกนก อภิรดี 2 ใน 4 ผู้ถูกกล่าวหาชุดแรกของป.ป.ช.

 

และมีข้อเท็จจริงปรากฏในเวลาต่อมาว่า เป็นการจัดซื้อที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับ บมจ.การบินไทย อย่างมาก โดยเฉพาะกรณีที่เป็นข่าวฉาว แสดงให้เห็นกระบวนการจัดซื้อไม่ปกติ

จากกรณี Forbes Thailand ฉบับ เม.ย. 2557 นำเสนอปัญหาการเปิดเส้นทางการบินแอร์บัส A340-500 ว่าเป็นนโยบายเปิดเส้นทางบินตรงกรุงเทพ-นิวยอร์ก ด้วยเวลาการบิน 16 ชั่วโมง 50 นาที โดยไม่ต้องแวะพักเติมน้ำมัน เพราะใช้เครื่องบินพิสัยไกลพิเศษ และมีการเปิดเที่ยวบินแรกเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2548 แม้จะมีเสียงทักท้วงจากพนักงาน บมจ.การบินไทย ว่าสมรรถนะของเครื่องบินรุ่นนี้ไม่เหมาะและจะทำให้บมจ.การบินไทยขาดทุน แต่ข้อทักท้วงก็ไม่อาจต้านแรงผลักดันจากฝ่ายการเมืองได้

และส่งผลทำให้นับตั้งแต่เที่ยวบินปฐมฤกษ์จนยุติเที่ยวบินเมื่อ 1 กรกฎาคม 2551 รวม 38 เดือน ปรากฏว่าบมจ.การบินไทยขาดทุนไปกว่า 7 พันล้านบาท เนื่องจาก A340-500 มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันสูง เพราะมี 4 เครื่องยนต์ และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นหลายเท่าตัว

โดยอีกหนึ่งข้อเท็จจริง ปรากฎจากรายงานการประชุมคณะกรรมการบมจ.การบินไทย เมื่อ วันที่ 6 มิ.ย. 2551 ระบุด้วยว่าทางฝ่ายบริหาร ได้สรุป 5 สาเหตุ การขาดทุนและ ต้องตัดสินใจหยุดบินแอร์บัส A340-500

1.ต้นทุนน้ำมันสูงกว่าร้อยละ 50 มากกว่าที่ประเมินไว้ในแผนว่าราคาน้ำมันอยู่ที่ 82 เซนต์/แกลลอน แต่ปี 2548 ราคาน้ำมันขึ้นไปที่ 1.62 เหรียญ/แกลลอน และในปี 2551 ปรับขึ้นไปเป็น 2.76 เหรียญ/แกลลอน
2.ความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินเหรียญสหรัฐอ่อนตัว รายได้เมื่อแปลงค่าเป็นเงินบาทจึงลดลงมาก
3.เครื่องรุ่นนี้มี 215 ที่นั่ง แม้มีผู้โดยสารเต็มก็ยังขาดทุน
4.ความนิยมใช้เครื่องบินรุ่นนี้ทั่วโลกมีน้อย โอกาสขายได้ยากหรือราคาจะตกลงมาก
5.เส้นทางบินในตลาดอเมริกาเหนือมีการแข่งขันสูง การกำหนดราคาสูงเป็นเรื่องยาก
6.นอกจากอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงแล้ว A340-500 ไม่เป็นที่นิยม เพราะหลังออกวางจำหน่ายไม่นาน Boeing ได้ออกรุ่นใหม่ที่ประหยัดน้ำมันกว่ามาแข่ง ทั่วโลกมียอดสั่งซื้อ A340-500 ไม่เกิน 30 ลำ ส่วนสายการบินที่ซื้อเครื่องบินรุ่นนี้ทยอยปลดระวาง ทำให้ราคาตลาดเครื่องบินมือ 2 ตกลงมาก ส่วน Airbus ก็ได้ยกเลิกการผลิตรุ่นนี้ตั้งแต่ปี 2555 แม้แต่ Singapore Airlines ที่ซื้อเครื่องบินรุ่นนี้ 5 ลำ ได้ตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการขายคืนผู้ผลิต แลกกับการซื้อเครื่องรุ่นใหม่ที่ใช้งานคุ้มค่ากว่าแทน

 

 

ทั้งหมดเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ปรากฏขึ้น จากการใช้อำนาจของระบอบทักษิณ ตัดสินใจซื้อฝูงบิน บมจ.การบินไทย โดยการใช้เรื่องการเปิดน่านฟ้าเสรีมาเป็นข้ออ้าง และสุดท้ายมูลหนี้ที่เกิดขึ้นจากการจัดซื้อเครื่องบิน ได้ย้อนกลับมาเป็นภาระหนี้สะสมของบมจ.การบินไทย จนถึงจุดไม่อาจจะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และต้องตัดสินใจนำองค์กรที่เคยเป็นความภาคภูมิใจของพนักงานการบินไทย เข้าสู่แผนฟื้นฟู เพื่อให้พ้นจากสภาพล้มละลายทางธุรกิจ

ขณะที่ นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.การบินไทย คนใหม่ล่าสุด แสดงความมั่นใจว่าปี 2566 บมจ.การบินไทย จะมีรายได้สูงกว่า 9 หมื่นล้านบาท จากความสามารถในการประกอบธุรกิจ และการเปลี่ยนแปลงฝูงบินให้มีขนาดเล็กลงแต่คุณภาพดีขึ้น ทั้งการดูแลต้นทุนและรายได้ให้เกิดความสมดุลสูงสุดและการจัดหาเครื่องบินแอร์บัส A 350 เพิ่มเติมอีก 6 ลำ เพื่อขยายไฟลท์บิน จะเป็นไปในการลักษณะการเช่าดำเนินการ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเท่านั้น โดยไม่ได้เป็นการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ เพราะทุกอย่างยังเป็นการปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูกิจการ

“ขณะนี้การบินไทย ถือว่ามีความจำเป็นในการขายสินทรัพย์ของการบินไทยมีน้อยลง แต่ย้ำว่าสินทรัพย์ที่ไม่ได้มีการใช้ประโยชน์ จะต้องทำการขายหรือเช่าต่อไป เช่น อาคารสำนักงานใหญ่ถนนวิภาวดี , สำนักงานสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น พิษณุโลก , เชียงใหม่ , อังกฤษ , อิตาลี , ฮ่องกง รวมถึงเครื่องบินขนาดใหญ่ที่ไม่ได้นำมาทำการบิน เช่น โบอิ้ง 777 -300 แอร์บัส A340 และ A380 อีกอย่างละ 6 ลำ”

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมามอบบ้านให้ผู้ยากไร้ เกือบ 2,000 หลังคาเรือน กลางสายฝน
เปิดภาพวงจรปิด เผยนาที "น้ำป่า" ไหลทะลักเข้าท่วม หอพัก-ชุมชน หน้ามหาวิทยาลัยพะเยา
“ผกก.เต๋า” นำ ตร.เสม็ด ลงดูแลช่วยเหลือ ปชช. หลังเจอภัยน้ำท่วมขังในพื้นที่รอการระบาย
พิษน้ำท่วม ราคาผักพุ่งขึ้นกว่าเท่าตัวทำให้บรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอยภายในตลาดสดศรีราชาเงียบเหงา
หลวงเจ๊ เสพไอซ์หลอน สติแตกขอให้การชั้นศาล ตร.พาตรวจ ปัสสาวะ เจอม่วง จับสึกวุ่น
หนุ่มชิงทรัพย์ร้านชำ เอาเงินไปซื้อมือถือใหม่ อ้างเพื่อลงทะเบียนรับเงินหมื่นจากรัฐฯ กลัวได้เงินเป็นกลุ่มสุดท้าย
หนุ่มย่องขโมยของ ถูกไฟฟ้าช็อตดับ ด้านแม่ผู้เสียชีวิตแค้นใจ ด่าสาปแช่งเจ้าของบ้าน
หดหู่ใจ 6 ล้อช่วยน้ำท่วม พลัดตก "ลำน้ำจาง" คนขับโดนตัวรถทับ ใช้เวลานาน 5 ชั่วโมง กู้ร่างสำเร็จ
"อุตุฯ" เตือน 42 จังหวัด โดนฝนถล่มหนัก-ลมกระโชกแรง กทม.ก็ไม่รอด ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ฉาวอีก! "ไกด์เถื่อน" ทำร้าย "นทท.จีน" กลางร้านจิวเวลรี่ดัง ย่านลาดกระบัง เหตุนทท.ไม่ยอมซื้อสินค้าในร้าน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น