วันที่ 11 ก.พ. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา ศิษย์เอกผู้รับมรดกธรรมของหลวงปู่สรวง และเป็นผู้มีความกตัญญูเป็นเลิศ เปิดเผยว่า หลวงปู่สรวงท่านเป็นชาวกัมพูชาได้เดินธุดงค์เข้ามาในเขตประเทศไทย แถบชายแดนไทย – กัมพูชาตามเทือกเขาพนมดงรัก หรือพนมดองร็ก ทางด้าน อ.ขุนหาญ และ อ.ขุขันธ์ ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ชอบพักอาศัยอยู่ตามกระท่อมในไร่นาของชาวบ้าน และจะธุดงค์ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ชาวบ้านที่มากราบไหว้ท่านจะมองท่านว่าเป็นพระผู้มีคุณวิเศษแตกต่างจากพระรูปอื่น ๆ โดยชาวบ้านจะเรียกขานท่านว่า “ลูกเอ็อวเบ๊าะ” หรือ “ลูกตาเบ๊าะ” ซึ่งเป็นภาษาเขมร หมายถึงพระดาบส เป็นพระผู้รักษาศีลอันบริสุทธิ์อยู่ตามถ้ำป่าเขาลำเนาไพร หลวงปู่สรวงท่านเป็นพระที่สันโดษ สมถะ มีอุเบกขาสูงสุด ให้ความเมตตากับผู้ที่เข้าไปกราบไหว้ทุกคน ให้ความสำคัญกับทุกคนเท่ากันหมดไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นคนยากจน เป็นเศรษฐี ใครรู้จักหลวงปู่มานานขนาดไหน หรือได้ติดตามรับใช้หลวงปู่มานานก็ตาม ท่านไม่เคยเอ่ยปากนับว่าเป็นศิษย์ หรือใช้สิทธิพิเศษแก่คนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะแม้แต่คนเดียว ทุกคนจะได้รับความเมตตาจากหลวงปู่เสมอมา จึงมีผู้มากราบไหว้หลวงปู่เป็นประจำ และกลับมาหาหลวงปู่อยู่เสมอ
พระครูโกศลสิกขกิจ กล่าวต่อไปว่า หลวงปู่สรวงท่านจะอยู่อย่างเรียบง่าย ชอบจำวัดอยู่ตามกระท่อมเล็ก ๆ มีกระดานไม้ปูไม่กี่แผ่นแค่พอนอนได้ ซึ่งจะเป็นที่สังเกตของชาวบ้านทั่วไปว่า หากหลวงปู่สรวงท่านไปจำวัดที่แห่งใด มักจะมีเสาไม้สูงปักอยู่ มีเชือกขาวขึงระหว่างกระท่อม เสาไม้หรือต้นไม้ข้างเคียงมีว่าวขนาดโตที่บุด้วยจีวรหรือกระดาษแขวนไว้เป็นสัญลักษณ์ และที่ขาดไม่ได้คือจะต้องให้ลูกศิษย์ก่อกองไฟไว้เสมอ เมื่อใครถวายอะไรมาให้ท่านไม่ว่าจะเป็นข้าวของเงินทอง ก็จะโยนเข้ากองไฟจนหมดสิ้น ซึ่งไฟ หรืออัคคีธาตุ ก็เป็นอีกหนึ่งกองกสิณที่พระอริยสงฆ์สายเหนือโลกใช้ฝึกจิต ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น ชาวบ้านได้พากันยกย่องท่านว่า เป็นผู้วิเศษแห่งภูตะแบง และเรียกขานท่านว่าเทวดาเล่นดิน เรื่องราวของหลวงปู่สรวงมีเรื่องราวและอภินิหารต่างเล่าขานกันมากมายจากปากต่อปาก ทำให้ชื่อเสียงบุญฤทธิ์ของหลวงปู่สรวงเป็นที่กล่าวขานมาจนทุกวันนี้ หลวงปู่สรวงท่านได้มรณภาพเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2543 จนถึงขณะนี้หลวงปู่ท่านได้ละสังขารเป็นเวลานานกว่า 22 ปี แต่ว่า สรีระสังขารของหลวงปู่สรวงไม่ได้เน่าเปื่อย อาตมาภาพได้เก็บรักษาสรีระสังขารของหลวงปู่ไว้ในโลงแก้ว ภายในมณฑปที่วัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งจะมีบรรดาศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนชนพากันมากราบไหว้ขอพรจากหลวงปู่กันอย่างต่อเนื่อง และมักจะได้รับโชคตามที่ขอพรเอาไว้เป็นประจำอยู่เสมอ
พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ วายาโม กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 14 ก.พ. ของทุกปี บรรดาคณะศิษยานุศิษย์ จะได้พร้อมใจกันจัดพิธีไหว้ครูบูชาคุณหลวงปู่สรวงขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งพิธีนี้จัดมาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 22 ปีแล้ว นับตั้งแต่หลวงปู่สรวงท่านได้ละสังขารตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 2543 เป็นต้นมา โดยในปีนี้ วัดไพรพัฒนาได้กำหนดจัดพิธีไหว้ครูบูชาคุณหลวงปู่สรวง ขึ้นในวันอังคารที่ 14 ก.พ. 2566 เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป โดยในพิธีไหว้ครูบูชาคุณปีนี้ คณะศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่สรวงจะได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดพานบายศรีอย่างยิ่งใหญ่ตระการตามาก พิธีถวายพานดอกไม้ การรำบวงสรวงหลวงปู่สรวงอย่างสวยงาม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการระลึกถึงพระคุณของหลวงปู่สรวงที่ได้ดลบันดาลทำให้ศิษย์ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุข มีโชคลาภเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ครอบครัวอบอุ่นมาจากจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้น จึงขอเชิญศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่สรวงทุกคน ไปร่วมในพิธีครั้งนี้ตามวันเวลาดังกล่าวข้างต้นโดยพร้อมเพรียงกันด้วย โดยในวันดังกล่าวเป็นวันแห่งความรัก จึงขอเชิญคู่รักไปกราบไหว้ขอพรหลวงปู่สรวง เพื่อขอให้ความรักของคู่รักมั่นคงนิรันดรตลอดไปด้วย
พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ วายาโม ยังกล่าวด้วยว่า อีกทั้งขณะนี้วัดไพรพัฒนากำลังทำการก่อสร้างอาคารเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา ซึ่งจะต้องใช้ทุนทรัพย์จำนวนมาก ดังนั้น จึงได้จัดพิธีทอดผ้าป่าบูชาคุณ 2566 กอง ๆ ละ 2566 บาท เพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างอาคารเรียน จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวกัมพูชา ร่วมทำบุญบริจาคเงินตามกำลังศรัทธาได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี วัดไพรพัฒนา (สร้างมณฑปหลวงปู่สรวง) เลขที่บัญชี 333-0-75994-4, ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี วิทยาลัยเทคโนโลยีหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา บัญชีเลขที่ 861-0-47453-4 , ธนาคาร ธกส.ชื่อบัญชี วัดไพรพัฒนา บัญชีเลขที่ 020-0-0858374-3 โดยศิษย์ทุกคนที่ไปร่วมพิธีและร่วมบริจาคเงินจะได้รับวัตถุมงคลหลวงปู่สรวง กริ่งบายนต์ รุ่นเศรษฐีสองแผ่นดิน เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัวด้วย.
ภาพ/ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ