นายระวิจันทร์ทราน ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงธรณีศาสตร์ของประเทศ กล่าวในการให้สัมภาษณ์นอกรอบ การประชุมคณะทำงาน G20 เกี่ยวกับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมในอินเดียว่า อุณหภูมิที่ร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ และอากาศที่หนาวเย็นลงเรื่อยๆ เป็นแนวโน้มของสภาพอากาศที่จะรุนแรงขึ้นทุกปี สภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้ชาวอินเดียหลายล้านคนต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางสภาพอากาศ ที่ทั้งคร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคน รวมทั้งกระทบไปถึงภาคเศรษฐกิจ เกิดปัญหากับผลผลิตในฟาร์ม นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการจัดหาพลังงานของประเทศ ที่มีความต้องการเชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้น จนทำให้แหล่งพลังงานน้ำต้องแห้งเหือดไป
ระวิจันทร์ทรานกล่าวต่อว่า นอกจากคลื่นความร้อนสูงแล้ว อินเดียยังอาจเผชิญกับปริมาณฝนที่แปรปรวนเป็นวงกว้าง และยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญในปีนี้ด้วย ซึ่งอินเดียต้องวางแผน เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าว และลงทุนในมาตรการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กำลังกระตุ้นให้เกิดการวิจัยเพื่อหาแหล่งพลังงานใหม่ โดยทางรัฐบาล กำลังตรวจสอบหาแหล่งพลังงานทางเลือก เช่น พลังงานลมนอกชายฝั่ง และพลังงานน้ำขึ้นน้ำลง เพื่อให้นักลงทุนได้รับข้อมูลที่ดีขึ้น ในความเป็นไปได้ของโครงการ เพื่อการลงทุนต่อไป
สำหรับอินเดียนั้น เมื่อปีที่แล้วต้องเผชิญกับความร้อนในระดับที่สาหัส อุณหภูมิแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในหลายส่วนของประเทศ คลื่นความร้อนร้ายแรงส่งผลกระทบต่อพืชผลข้าวสาลี จนอินเดียต้องสั่งห้ามการส่งออกธัญพืช ทั้งๆที่เป็นช่วงเวลาที่โลกประสบปัญหาการขาดแคลน เนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ ในช่วงหน้าหนาว มีการใช้ไฟฟ้าสำหรับเครื่องทำความร้อนสูงขึ้น จนประเทศต้องนำเข้าถ่านหินในราคาที่แพงมาก