ยังคงเป็นประเด็นปัญหาต่อเนื่อง สำหรับการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาควบคุม 80 บาท แม้ว่าหน่วยงานต่าง ๆ จะเข้าไปตรวจสอบ และควบคุม กระบวนการซื้อขายสลากฯของ “กองสลากพลัส” ที่เคยอ้างว่าสามารถรวบรวมสลากฯต่องวดได้มากถึง 11 -14 ล้านใบ จากการกว้านซื้อสลากฯตามแหล่งต่าง ๆ ในราคา 90-95 บาท ก่อนนำมาบวกค่าบริการอีก 20-25 บาท แล้วนำขายผ่านระบบออนไลน์
ล่าสุด นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยกับทีมข่าว TOPNEWS ถึงความคืบหน้าตรวจสอบเส้นทางการชำระภาษีของ กองสลากพลัส รวมถึงการแก้ปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา ว่า ขณะนี้ กรมสรรพากร ยังคงเดินหน้าตรวจสอบขั้นตอนการเสียภาษีของกองสลากพลัสเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยได้มีการขอข้อมูลไปหลายชุดจากหลายแหล่ง เพื่อจะดูว่ารายได้และค่าใช้จ่ายของกองสลากพลัสมีความสอดคล้องกันหรือไม่ อาทิเช่น ในแต่ละงวดได้มีการนำเงินออกไปซื้อสลากฯจำนวนเท่าไร และมีการขายสลากฯออกไปได้เท่าไร รวมถึงในแต่ละขั้นตอนการทำธุรกิจขายสลากฯมีภาระภาษีที่ต้องดำเนินการชำระตามกฎหมายเกิดขึ้นมากน้อยขนาดไหน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดขณะนี้อยู่ระหว่างการขอข้อมูลจากธนาคารต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา
ส่วนการปรับตัวระบบการจำหน่ายสลากฯ ภายหลังจากดีเอสไอได้ดำเนินการทางกฎหมายกับแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่ จนอาจทำให้หลายฝ่ายเกรงว่าสลากฯจะล้นตลาดนั้น นายลวรณ ระบุว่า สำนักงานสลากฯ ยอมรับสาเหตุหนึ่งที่สลากฯมีราคาแพง และมีการขายเกินราคามาจากการกว้านซื้อสลากฯของแพลตฟอร์มรายใหญ่ แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น คือ จากผู้ค้ารายย่อยที่เคยรับสลากฯมาขายส่งในราคาสูง มีข้อมูลเรื่องการได้สลากฯที่มีการปรับลดลงมา ใบละกว่า 10 บาทต่อใบ หรือจากเดิมราคาขายส่งจะอยู่ที่ 98 บาทต่อใบ ตอนนี้ลดลงเหลือมา 82-83 บาทต่อใบ ซึ่งแนวโน้มน่าจะลดลงเรื่อย ๆ และทำให้มั่นใจได้ว่าการกว้านซื้อสลากฯของแพลตฟอร์มออนไลน์รายใหญ่และกล่มผู้ค้าส่งที่ไม่ใช่ผู้ค้ารายย่อย เป็นต้นเหตุให้ราคาสลากฯปรับตัวสูงขึ้นและมีการขายปลีกเกินราคา จึงจะเป็นต้องพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ประกอบเพิ่มเติมต่อไป