จากกรณีที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายแบบไม่ลงมติ มาตรา 152 ทวงถามนโยบายปราบปรามทุจริตว่าได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงบุคคลใกล้ตัวด้วยหรือไม่ หลังจากที่ นายปฐมพล จันทร์โอชา หลานชายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เปิดบริษัทธุรกิจห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) คอนเทมโพลารี คอนสตรัคชัน โดยใช้บ้านพักในค่ายทหารเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก ทำธุรกิจส่วนตัวถึง 5 ปี
“หลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ค่ายทหารเปิดบริษัท อาจเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ เพราะผู้เป็นลุงใช้บ้านพักหลวง ไม่ยอมย้ายออก เป็นนักการเมืองก็ไม่ย้ายออกมา หลานอาจจะคิดว่าลุงทำได้ คล้ายสำนวนไทย ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แต่พฤติกรรมของหลาน พล.อ.ประยุทธ์ คือลูกไม้หล่นไม่ไกลค่าย”
น.ส.จิราพร กล่าวต่อว่า มีกระแสวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการใช้ค่ายทหารทำธุรกิจส่วนตัว และยังได้งานประมูลงานของรัฐในวงเงินที่สูง หลังโดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมได้ย้ายที่ตั้งสำนักงานออกจากค่ายทหาร แต่ยังเดินหน้าประมูลงานของรัฐอย่างต่อเนื่อง แต่น่าสงสัยเพราะที่ผ่านมาบริษัทมีสถานะขาดทุน อีกทั้งบริษัทดังกล่าว มีเครื่องมือและอุปกรณ์ไม่เพียงพอ สำนักงานใหญ่มีสภาพเป็นบ้านพักแต่รับงานโครงการของรัฐ มูลค่าหลายสิบล้านบาท สภาพที่ตั้งของบริษัทคู่เทียบที่เข้ามาแข่งขันราคาก็ไม่สมกับเป็นสถานประกอบการ
สงสัยว่าจะฮั้วประมูล และใช้บริษัทนอมินีมาเป็นคู่เทียบ เพื่อให้ชนะประมูล และพบว่ามีพฤติการณ์สมยอมราคา เพราะกลุ่มบริษัทที่มาเป็นคู่เทียบเสนอราคาไล่เลี่ยกัน ต่างไม่เกิน 1% เป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่น่าเชื่อ เข้าข่ายเป็นการฮั้วประมูล ด้านหน่วยงานรัฐเองก็อาจสมยอมให้มีการฮั้วประมูล “วินาทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจในปี 2557 มีหนุ่มคนสาวออกมาต่อต้านการทำรัฐประหาร ถูกจับกุมคุมขัง แต่ลูกหลานของ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังสบโอกาสกอบโกย ตักตวง งบประมาณของแผ่นดินอยู่”