สาวร้องทนาย ใช้ยาย้อมผมแบรนด์ดัง เศร้าผมร่วง-คอพุพอง เจ้าของยังนิ่ง ปัดรับผิดชอบ

สาวร้องทนาย ใช้ยาย้อมผมแบรนด์ดัง เศร้าผมร่วง-คอพุพอง เจ้าของยังนิ่ง ปัดรับผิดชอบ

วันนี้ (16 ก.พ. 66) เวลา 09.00 น. น.ส.พิศณุพร ช่องเชิญ อายุ 27 ปี อาชีพนักร้อง และเป็นแม่ค้าออนไลน์มีผู้ติดตามมากถึง 45,000 คน ได้นำหลักฐานเดินทางเข้าร้องเรียนและขอความช่วยเหลือกับ น.ส.ธนิดา แจ้งจำรัส หรือ ทนายนินู ที่สำนักงานกฎหมายธนิดา อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังจากเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมยี่ห้อดัง บนโลกโซเชียล ที่มีการจ้างดาราดังหลายคนเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยหลังทำการย้อมสีผมแล้ว เกิดผลกระทบทำให้ผมร่วงและขาดเป็นจำนวนมาก แสบร้อนบนหนังศีรษะ รวมถึงดวงตามีอาการอักเสบแสบร้อน โดยได้เรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 100,000 บาท แต่ไม่ได้รับการเยียวยาจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ โดยอ้างว่าค่าเสียหายมากเกินไป รวมถึงถูกข่มขู่ว่าจะมีการปรึกษาทนาย เพื่อฟ้องร้อง ที่ผู้เสียหายได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กทำให้ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ

น.ส.พิศณุพร เปิดเผยว่า ตนได้เห็นผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมในโซเชียล ทั้งทางเฟซบุ๊ก และติ๊กต็อก มีการรีวิวในทิศทางที่ดี มีการโฆษณาว่า สีย้อมผมออร์แกนิก 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ทำให้ผมเสีย ตนจึงลองสั่งซื้อทางออนไลน์ผ่านทางตัวแทนมาทดลองใช้จำนวน 3 กล่อง ในราคากล่องละ 145 บาท โดยสั่งเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 66 และของมาส่งในวันที่สั่งเลย ซึ่งใน 1 กล่อง จะมีครีมย้อมผม จำนวน 2 หลอด บรรจุมาเพื่อใช้ผสมก่อนจะใช้งาน หลังจากที่สั่งมาตนก็ได้ใช้ยาย้อมวันนั้นเลย เพราะว่ามีงานร้องเพลง และถ่ายแบบรีวิวสินค้า ตนอยากจะเปลี่ยนลุคสีผมใหม่ ก็ได้ผสมยาย้อมผมใส่ขวดพลาสติกแล้วลองจับที่ขวดดู มีความรู้สึกอุ่นๆ ตนก็ไม่คิดอะไร จึงย้อมผมตามปกติ โดยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ในระหว่างที่รอ มีความรู้สึกร้อนและแสบหนังหัวมาก ปรากฏว่าหลังจากครบ 30 นาที จึงไปรีบล้างออก ขณะที่กำลังล้างออก มีความรู้สึกว่าผมแข็งกระด้างและจับเป็นก้อน ทำให้สางผมไม่ได้ จึงใช้แชมพูและใช้ครีมนวดล้างอีกที ปรากฏว่าผมขาดหลุดร่วงติดมือตน ตามคลิปที่แฟนตนถ่ายไว้ ตอนนั้นรู้สึกตกใจมากๆ หลังจากที่สระผมเสร็จ ก็ได้ใช้หวีเพื่อสางผมต่อ ก็พบว่าผมหลุดติดเต็มหวีอีก

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“ก่อนหน้านี้เคยใช้ผลิตภัณฑ์ยาย้อมผมมาแล้วหลายยี่ห้อ แต่ก็ไม่เคยเกิดอาการแบบนี้มาก่อน หลังจากที่ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน ก็ได้นำคลิปมาโพสต์ลงเฟซบุ๊กของตัวเอง ทำให้มีชาวเน็ตแชร์โพสต์เป็นจำนวนมาก ต่อมาทักไปหาตัวแทนจำหน่าย ได้บอกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนที่เจ้าของผลิตภัณฑ์จะทักมาหาในเวลาต่อมา และได้มีการคุยแชทในข้อความทางเฟซบุ๊กว่า จะแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยมีการพูดคุยในลักษณะที่ให้ตนยื่นข้อเสนอไปเอง ทั้งๆ ที่ตนให้ทางเจ้าของผลิตภัณฑ์พิจารณามาเอง ซึ่งประเด็นหลักๆ ไม่อยากได้เงิน เพียงแค่อยากให้ทางผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ปรับปรุงและแก้ไขกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทางเจ้าของใช้คำพูดให้ตนยื่นข้อเสนอ จึงเรียกค่าเสียหายไปจำนวน 100,000 บาท ซึ่งในจำนวนเงินดังกล่าว มีค่าเสียรายได้ 20,000 บาท ไม่รวมค่าบำรุงระยะยาว คือ การทำต่อเคราตินสด และเคลือบผมชั้นนอก รวม 18,700 บาท รวมค่าเสียเวลา ค่ารักษา และค่าเดินทาง รวมถึงค่าทำขวัญ ซึ่งหลังจากที่ยื่นข้อเสนอไป ทางเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็ใช้คำพูดแบบปัดความรับผิดชอบ และอ้างว่าปรึกษาทนายเรื่องเรียกค่าเสียหายเกินจริง และจะฟ้องร้องเรื่องการโพสต์ลงเฟซบุ๊ก”

น.ส.พิศณุพร กล่าวต่อว่า ตอนนี้รู้สึกเครียดมาก เพราะว่าตนก็เป็นผู้เสียหายคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่จะถูกฟ้องร้องเอง ตอนนี้ยังรู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้หญิงปกติก็รักสวยรักงามอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องผม ซึ่งกว่าจะไว้ยาวได้ขนาดนี้ต้องใช้เวลา 3-4 ปี ตอนนี้มีความรู้สึกว่ามีคนเอากรรไกรมาตัดผมตน ตั้งแต่เกิดเหตุมา 5 วันแล้ว ยังไม่กล้าสระผม ตอนนี้ตนต้องทำงานไป จิตตกไป กังวลเรื่องจะถูกฟ้องร้อง เนื่องจากได้โทรฯ ไปปรึกษาคุณแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งมดลูกนอนรักษาตัวอยู่บ้าน ซึ่งกำลังจะเข้าผ่าตัดในเร็วๆ นี้ ตนจึงเป็นห่วงคุณแม่ อาจจะคิดมากในเรื่องที่ตนโทรฯ ไปปรึกษา วันนี้จึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือกับทางทนายนินู เพราะว่าตนเป็นประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่รู้กฎหมาย ต่อจากนี้ก็ให้ทนายนินู ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทนายนินู กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลและดูพยานหลักฐานต่างๆ กับทางผู้เสียหาย พบว่าความเสียหายมากพอสมควร เพราะว่าประกอบอาชีพเป็นนักร้องและ แม่ค้าออนไลน์ ซึ่งจะต้องใช้หน้าตาและเส้นผมประกอบอาชีพ ในกรณีนี้ตนได้ให้ผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ และจะดำเนินคดีอาญาและคดีแพ่งในทางละเมิด รวมถึงจะส่งผลิตภัณฑ์ไปที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งทางผู้เสียหายได้นำผมที่หลุดร่วงมาให้ดู และบอกถึงอาการแสบร้อนบนศีรษะและดวงตา ในส่วนนี้ทางผู้เสียหายก็มีใบรับรองแพทย์จาก รพ.เปาโล สมุทรปราการ ว่าเกิดอาการดังกล่าวจริง จึงอยากฝากถึงเจ้าของผลิตภัณฑ์ว่า ในกรณีแบบนี้สมควรที่จะมีการพูดคุยเจรจากัน หากเจรจากันไม่ลงตัวตนก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายตามสิทธิของผู้เสียหายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

วอนช่วย ! 4 ยายหลานชีวิตสุดรันทด
สองแม่ลูก ผวา หนุ่มสติไม่ดีบุกเข้าบ้าน ก่อนจะหนีไปซุกป่าหญ้า
ปราจีนฯระทึก "สจ.โต้ง" โดนยิงดับคาบ้านพัก "สุนทร วิลาวัลย์" บิดา "กนกวรรณ" อดีตรมช.ศึกษาธิการ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดสวน “เปรมประชาวนารักษ์” แลนด์มาร์กสีเขียวแห่งใหม่ริมคลองเปรมประชากร พระราชทานแก่ประชาชน
ซีพี เปิดตัวกางเกงมวยไทย 'CPxMOODENG Limited Edition' รายได้ 100% มอบโครงการ หมูเด้งชวนช่วยผู้ประสบอุทกภัยและดูแลสวัสดิภาพเพื่อนสัตว์
ประสานพลัง...ประมงพัทลุง-ประมงสงขลาเดินหน้าเฝ้าระวังปลาหมอคางดำ ปกป้องทะเลสาบสงขลาเข้มแข็ง
ตร.รวบ "โจรแสบ" ลักทองชาวบ้าน ขณะนำสร้อยคอทองคำ-พระเหลี่ยมทองไปขาย อ้างไม่มีเงินใช้
ภูเก็ตไม่แผ่ว นทท.เมาสุรา อาละวาดไล่ทำร้ายตำรวจไทย แจ้ง 3 ข้อหาหนัก เตรียมส่งศาลพรุ่งนี้
อ.ศรีสวัสดิ์ จับมืออุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อมผู้นำชุมชนวางแผนแนวทางป้องกันไฟป่า พร้อมปูพรมเคาะประตูบ้านร่วมป้องกันไฟป่าร่วมกัน
"ณัฐวุฒิ" ประกาศลั่นบนเวทีหาเสียงอุบลฯ ช่วยชาวนาไร่ละพัน โอนพรุ่งนี้!

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น