วันที่ 16 ก.พ.66 นายยศ กิมสวัสดิ์ ประธานสำนักงานระบบการชำระเงิน สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยในการแถลงข่าวของสมาคมธนาคารไทย เรื่อง “ข้อมูลกลโกงมิจฉาชีพหลอกติดตั้งแอปฯ ดูดเงิน พร้อมยกระดับมาตรการป้องกันร่วมกับหน่วยงานต่างๆ” ระบุว่า สมาคมธนาคารไทยต้องการชี้แจงในเรื่องของแอปดูดเงินที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนว่าคืออะไร และที่มาของแอปดูดเงินนั้น มาจากการที่มีผู้ที่ไม่หวังดีอาศัยช่องโหว่ ของ OS โดยเฉพาะในระบบแอนดรอยด์ ในการเข้ามาแฝงตัวเพื่อเก็บรหัส ข้อมูล และเทคโอเวอร์โทรศัพท์เครื่องนั้น ซึ่งปัญหาแอปดูดเงินไม่ได้มาจากโมบายแบงก์กิ้งที่หลายฝ่ายกังวลใจ
ทั้งนี้ ปัจจุบันมิจฉาชีพหลอกลวงเอาเงินจากประชาชนแนบเนียนขึ้น และมีเทคนิคที่หลากหลาย ส่งผลให้มีผู้เสียหายจากการตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายราว 500 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
สมาคมธนาคารไทย จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ยกระดับมาตรการป้องกันภัยจากมิจฉาชีพเพื่อช่วยประชาชน โดย สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียต่างๆ อย่าง LINE ได้ร่วมกันดำเนินการ ดังนี้ ตรวจสอบปิดไลน์ปลอมของธนาคาร , ควบคุมและจัดการ ชื่อผู้ส่ง SMS (SMS Sender) ปลอม , ปิดกั้น URL ที่เป็นอันตราย , หารือธนาคารสมาชิกพัฒนาระบบความปลอดภัยแชร์เทคนิคและแนวทางป้องกันภัยร่วมกัน เช่น พัฒนาการป้องกันและควบคุม Mobile Banking Application กรณีมือถือมีการเปิดใช้งาน Accessibility Service เพิ่มระบบการพิสูจน์ตัวตน (Authentication) ด้วย Biometrics Comparison
นอกจากนี้ หากร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีผลบังคับใช้ จะช่วยให้การดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพทำได้รวดเร็วขึ้น ระงับความเสียหายได้อย่างทันท่วงที สามารถบล็อกบัญชีต้องสงสัยได้ โดยไม่ต้องรอแจ้งความ ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเร็วๆนี้
ขณะที่ภาคธนาคารได้เตรียมการพัฒนาระบบ เช่น พัฒนาการป้องกันและควบคุมโมบายแบงก์กิ้ง กรณีโทรศัพท์มือถือมีการเปิดใช้งานการช่วยเหลือพิเศษ รวมทั้งเพิ่มระบบการพิสูจน์ตัวตนด้วยไบโอเมตริก เช่น สแกนใบหน้า เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 5 สัปดาห์จึงสามารถดำเนินการได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีความเร็วในการบล็อกบัญชี จะต้องภายในกี่นาที จึงจะระงับหรือบรรเทาความเสียหายได้ทันเวลา นาย ยศ ระบุว่า ไม่สามารถระบุได้ ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าของบัญชีว่าจะดำเนินการได้รวดเร็วเพียงได้ เพราะในระหว่างที่เจ้าของบัญชีหรือผู้เสียหายโทรแจ้งธนาคาร มิจฉาชีพอาจมีการโอนเงินไปยังบัญชีอื่นๆ หรือบัญชีม้า ซึ่งหากเป็นการโอนคนละธนาคารก็จะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ
ส่วนเรื่องบัญชีม้า ที่ผ่านมาติดเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล เพราะถ้าโจรโอนเงินข้ามบัญชีจะมีความยุ่งยากของกฎหมาย ต้องขอบคุณรัฐบาลรับฟังที่จะแก้ปัญหา ภาคธนาคารแก้ไม่ได้ด้วยตัวคนเดียว ซึ่งการออก พ.ร.ก.มานั้น ให้ธนาคารแลกเปลี่ยนข้อมูลข้ามธนาคารอย่างไม่ผิดกฎหมาย รวมทั้งจะจัดการติดตามบัญชีม้าเร็วขึ้น ไม่การันตีตามได้ทุกเคส แต่ตามได้มาก เป็นการหักขาม้า ถ้าหัก 20 บัญชี โจรก็ต้องไปหาบัญชีม้ามาเพิ่มเพื่อใช้ในการโอนเงินเพิ่ม และบุคคลใดมีซิมมากจนน่าสงสัย เช่น บางคนมี 50 เบอร์ 100 เบอร์ หลังจากนี้ถ้าเครือข่ายมือถือแชร์ข้อมูลกับภาคธนาคาร จะเห็นบัญชีม้ามากขึ้น จะเห็นบัญชีม้าที่ยังไม่เคลื่อนไหว ทำให้สามารถเฝ้าระวังได้ เมื่อเกิดปัญหาธนาคารจะไล่จับได้ง่ายมากขึ้น
นายยศ ยังระบุอีกว่า ธนาคารได้มีการฝึกอบรบพนักงานอย่างเข้มงวดในการรักษาข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า และหากพบว่า มีข้อมูลหลุดออกไป ก็จะมีการดำเนินคดีกับพนักงานอย่างแน่นอน และขอให้มั่นใจว่า ธนาคารมีระบบในการป้องกันข้อมูลให้กับลูกค้าอย่างเเน่นหนา