17 ก.พ.2566 ที่ห้องพิจารณาคดี 905 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.2170/2563 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจุลภาค หรือ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจชื่อดัง ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย จำนวน 5 ล้านบาท
คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 21 ส.ค.2563 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยเป็นเจ้าของเฟซบุ๊ก ที่ชื่อ (Tom Julpas Kruesopon) ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามเฟซบุ๊กของจำเลยสามารถมองเห็นรับรู้และเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้
โดยเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2563 จำเลยใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม โดยแพร่ภาพและคลิปผ่านเฟซบุ๊กว่า ทำนองว่า เราต้องหยุดหลอกตนเองเสียทีว่าประเทศไทยไม่มีการโกงกิน แต่คนที่เขาอยู่รอดได้ คือเขาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่การโกงกินเป็น แต่พอมาทักษิณ มัน ไม่… เขาเรียกว่าอะไรล่ะ… มันไม่แบ่งเค้กกัน… ก็เลยทำให้คนที่เขาอยากกินด้วย เขาอึดอัดขึ้นมา อาทิ สนธิ ลิ้มทองกุล อันนี้คุณต้องเข้าใจเรื่องสนธิ ลิ้มทองกุล นะ ผมขอโทษทีนะ ถ้าเล่าไปเล่ามานะ
และข้อความทำนองว่า ผมจะมาเล่าฟังว่าจุดแตกหักคืออะไร จะได้เข้าใจว่า ทำไมคุณทักษิณวันนี้ถึงไม่อยู่ประเทศไทยแล้ว คุณทักษิณเป็นคนทีถืออำนาจอยู่ในมือทุกอย่าง แล้วตอนนั้นก็จะมี license (ใบอนุญาต) เรื่องทีวีออกมาใหม่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่คิดว่าเขาสนับสนุนคุณทักษิณ รักคุณทักษิณ คุณทักษิณเป็นคนที่ช่วยปลดหนี้ให้คุณสนธิเป็นพัน ๆ ล้าน และข้อความอื่นที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นข้อความเท็จทั้งสิ้น เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง ดังนั้นการที่จำเลยแพร่ภาพสดและวีดีโอ ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ว่า การที่โจทก์ออกมาต่อต้าน“นายทักษิณ ชินวัตร”ในช่วงปี 2548-2552 เกิดจากการไม่ได้รับส่วนแบ่ง หรือไม่ได้รับผลตอบแทนตามสัญญาจาก “นายทักษิณ ชินวัตร” และทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นคนปลดหนี้เป็นพันๆ ล้าน ทั้งที่ความจริงแล้ว โจทก์ไม่เคยมีสัญญาหรือมีข้อตกลงว่าจะต้องได้รับผลประโยชน์ตอบแทน และในขณะที่ “นายทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยมี license (ใบอนุญาต) ทีวีใหม่ ๆ ออกมาแต่อย่างใด เหตุเกิดที่แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. ซึ่งศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องและประทับรับฟ้องคดีไว้เพื่อมีคำพิพากษา