BTSC ลุ้นศาลปกครองพิพากษารถไฟฟ้า เมินรัฐยุบสภาคุยกทม.สรุปเคลียร์หนี้

BTSC ลุ้นศาลปกครองพิพากษา รถไฟฟ้า เมินรัฐยุบสภา ลุยทวงหนี้กทม.

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ให้สัมภาษณ์ทีมข่าว TOPNEWS ระบุว่า ปัจจุบัน มีคดีที่อยู่ในขั้นศาลปกครองพิจารณารวม 3 คดีประกอบด้วย

1. คดีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ เปลี่ยน ทีโออาร์ หลังจากที่มีการซองเสนอราคาให้กับภาคเอกชน ซึ่งศาลปกครองกลางได้ตัดสิน แม้จะให้มีการยกฟ้องคดี แต่ในคำตัดสินมีการระบุว่า การเปลี่ยนแปลง TOR ที่เกิดขึ้นไม่ชอบ แต่เมื่อ บีทีเอสซี ไม่ได้รับความเสียหาย จึงให้มีการยกฟ้อง ซึ่งในการฟ้องร้องดังกล่าว บีทีเอสซี ได้ฟ้องการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ฯ เป็นการละเมิด เรียกค่าเสียหายจำนวน 5 แสนบาท ซึ่งศาลตัดสินไม่ให้ค่าเสียหายดังกล่าว และอยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ทั้งคู่ โดยขณะนี้อยู่ในชั้นศาลปกครองสูงสุด ซึ่งอยู่ระหว่าง รอเจ้าของสำนวนอ่านคำพิพากษา

2. คดีที่บีทีเอสซี ยื่นฟ้อง รฟม. ว่า การยกเลิกการประมูลครั้งที่ 1 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคำตัดสินว่า ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และรฟม. ได้มีการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งเมื่อวานนี้ ( 16 ก.พ.) ศาลปกครองสูงสุด ได้มีการแถลงคดีนี้ ซึ่งเป็นการแถลงครั้งแรกของผู้แถลงคดี ซึ่งผู้แถลงคดีเห็นว่า สามารถทำได้ และให้ยกฟ้อง โดยความคิดเห็นดังกล่าว เป็นเพีนงของผู้อ่าน ส่วนคำตัดสินจะต้องรอฟังเจ้าของคดี ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีกำหนดว่าจะมีการตัดสินคดีเมื่อไหร่

3. เป็นคดีที่ฟ้องอยู่ที่ศาลปกครองกลาง ว่า การเปิดประมูลครั้งที่ 2 (ครั้งหลัง) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกีดกันบีทีเอสซี ไม่ให้เข้าร่วมการประมูลการคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่ ซึ่งเดิมทีศาลปกครองกลางได้กำหนดให้วันสิ้นสุดการแถลงข้อเท็จจริงเมื่อต้นเดือน ก.พ. แต่ทางบีทีเอสซี ได้มีการขอขยายเวลาออกไป ซึ่งศาลให้มีการขยายระยะเวลาออกไป แต่ยังไม่กำหนดว่า ได้มีการขยายเวลาออกไปเป็นระยะเวลาเท่าใด

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ยัง มีอีกหนึ่งคดีอยู่ที่ศาลอายาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งคาดว่าจะยื่นอุธรณ์ ในเร็วๆนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ศาลได้มีการยกฟ้อง

นายสุรพงษ์ ระบุว่า หลังจากนี้บีทีเอสซี จะต้องรอคำตัดสินของศาลว่า จะตัดสินอย่างไร ส่วนบีทีเอสซี โดยเฉพาะคดีที่ 3 ที่ทางบีทีเอสซีจะต้องทำคำแถลงเพิ่มเติม จากที่ได้ขอขยายระยะเวลา ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการด้านเอกสารเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนของข้อเท็จจริงใหม่ๆ เข้าไปเพิ่มเติม

ส่วนกรณีที่มีการส่งสัญญาณจากกระทรวงคมนาคม และ รฟม. ถึงการเดินหน้าลงนามเซนสัญญากับผู้ชนะการประมูลในเร็วๆนี้ นายสุรพงษ์ มองว่า ในเรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคม แต่ในส่วนของบีทีเอสซี ก็ยังมีอีก 1 คดี ซึ่งเป็นคดีที่สำคัญว่าการประมูลครั้งที่ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามที่ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปครองไป โดยมองว่า ทางด้านกระทรวงคมนาคม และรฟม. ควรที่จะรอคำตัดสินของศาลในคดีนี้ก่อน ที่จะเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นการฟ้องในเรื่องการประมูลครั้งหลังที่รฟม.กำลังดำเนินการใกล้เเล้วเสร็จไม่ถูกต้อง และน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ขณะนี้ ยังไม่ได้มีการประสานมาจากทางกรุงเทพธนาคม หรือ กรุงเทพมหานครในการชำระหนี้ให้แก่บีทีเอสซี ซึ่งในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น ทางด้านบีทีเอสซึได้มีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองไปจำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการยื่นฟ้องไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 โดยมีมูลหนี้ประมาณ 12,000 ล้านบาท เป็นค่าจ้างเดินรถของสัญญาส่วนต่อขยายที่ 1 เริ่มตั้งแต่ เดือน พ.ค. 2562 ที่ยังไม่มีการชำระ และสัญญาส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงเดือน พ.ค 64 ซึ่งศาลปกครองกลางได้ตัดสินให้กทม. และกรุงเทพธนาคมร่วมกันชำระหนี้ก้อนนั้น พร้อม ดอกเบี้ย โดยกทม.และ เคทีได้มีการยื่นอุทธรณ์และอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด

 

ส่วนคดีที่ 2 ก็เหมือนกับคดีแรกทุกอย่าง จะต่างกันตรงในเรื่องของเวลา เพราะระยะเวลาได้ผ่านมาถึง 1 ปี บริษัทจึงมีการฟ้องเพิ่มไปเมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมียอดหนี้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นช่วงระยะเวลาตั้งแต่เดือน มิ.ย. 64 ถึงเดือน ต.ค. 65 ขณะนี้ อยู่ระหว่างเคทีทำคำคัดค้านส่งไปยังศาลฯ อาทิ สัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งบีทีเอสซีก็ได้รับคำคัดค้านนั้น และอยู่ระหว่างการเตรียมคำชี้แจงและคำอธิบายส่งไปยังศาลปกครองกลาง ขณะที่ส่วนของกทม. ยังไม่ได้ รับคำคัดค้านใด ๆ

 

 

ผู้สื่อข่าวถามถึง สาเหตุที่ กทม. และเคที ยังไม่จ่ายหนี้ เพราะรอคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ นายสุรพงษ์ระบุว่า ทุกวันนี้ กทม.และเคที ได้มีการชำระหนี้มายังบีทีเอส โดยเป็นเงินค่าโดยสารที่มีการเรียกเก็บของส่วนต่อขยายที่1 จำนวน 15 บาท เมื่อรวบรวมได้จำนวนหนึ่งก็ได้นำมาจ่ายให้แก่บีทีเอสซี แต่เม็ดเงินที่ได้รับมีความต่างของค่าจ้างชำระค่อนข้างมาก

ส่วนในเรื่อง ของการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อยื่นฟ้องศาล ซึ่งยังมีระยะเวลา จึงต้องให้ฝ่ายกฎหมายตีความให้เรียบร้อยก่อนดำเนินการต่อไป

ส่วนกรณีที่จะมีการยุบสภาในอีก 30 วัน นายสุรพงษ์ ระบุว่า การยุบสภาเป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่น่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการชำระหนี้ให้กับบีทีเอส

ส่วนกรณีที่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าจากรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไรกับภาระหนี้โครงการรถไฟฟ้าสายเขียว และยังไม่มีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ ระบุว่า การนำเรื่องเข้าสู่ ครม. ก็เป็นอีกเรื่อง ที่ทางรัฐบาลพยายามแก้ปัญหา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล แต่หากรัฐบาลไม่ดำเนินการในเรื่องนี้ ทางกทม.ก็จะต้องดำเนินการ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาระหว่างเคทีกับกทม. และเป็นความรับผิดชอบของกทม.และเคที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง
รมว.วัฒนธรรม เปิดงานรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเลครั้งที่ 14 ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว กระบี่ เร่งส่งเสริมวิถีชีวิต วัฒนธรรมชาวเล
ป้าย สุดเจ๋ง "รับซื้อบ้านผีสิง" เจ้าของป้ายรับซื้อจริง มารีโนเวทขาย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น